• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

✨การเจาะสำรวจดิน (Soil Boring Test) 👉จุดเริ่มต้นงาน วิศวกรรมฐานราก📌

Started by fairya, July 19, 2024, 06:24:10 PM

Previous topic - Next topic

fairya

งาน การสำรวจดิน และ ทดสอบทางปฐพีกลศาสตร์ ถือเป็นสาขาหนึ่งที่สำคัญอันดับต้น ๆ ของงาน วิศวกรรมโยธา กล่าวคือ โครงสร้าง สิ่งปลูกสร้าง ต่าง ๆ ล้วนถูกสร้างอยู่บนพื้นดิน และชั้นดินในบริเวณนั้น ๆ ซึ่งทำหน้าที่รับน้ำหนักของสิ่งปลูกสร้างด้านบนผ่านโครงสร้างใต้ดินที่เรียกว่า ฐานราก ดังนั้นการสำรวจสภาพชั้นดินและทดสอบหาคุณสมบัติดินจึงมีความจำเป็นต่อการ ออกแบบทางด้านวิศวกรรมปฐพี

คุณภาพของข้อมูลจากการสำรวจสภาพชั้นดินเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อผู้รับผิดชอบในงาน ออกแบบโครงสร้าง เนื่องจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับงาน ฐานราก นั้นเป็นปัญหาที่แก้ได้ยากและมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะเมื่อมี โครงสร้างเหนือพื้นดิน ดังนั้น ข้อมูลชั้นดินที่มีความถูกต้องและเพียงพอจะช่วยให้ผู้ออกแบบสามารถ ออกแบบฐานราก ได้อย่างเหมาะสม ประหยัด ปลอดภัย และสามารถลดต้นทุนโครงการได้

🎯✅👉📌🦖🎯✅👉📢
Quoteบริการ Soil Test | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท Soil Test บริการ รับเจาะดิน วิเคราะห์และทดสอบคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรมปฐพีของดิน ทดสอบเสาเข็ม (Seismic Test)

👉 Tel: 064 702 4996
👉 Line ID: @exesoil
👉 Facebook: https://www.facebook.com/exesoiltest/
👉 เว็บไซต์: เจาะสำรวจดิน.com
📌🦖🎯🌏⚡✨📢🌏⚡

การ เจาะสำรวจดิน คือกรรมวิธีการเจาะลงไปในชั้นดิน, เก็บตัวอย่างดิน, ทดสอบดินในสนาม, หยั่งชั้นดินจากผิวดิน หรือใช้เทคนิคอื่น ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งลักษณะชั้นดินทั้งทางแนวดิ่ง และการเปลี่ยนแปลงทางแนวราบ เพียงพอในการที่จะใช้ออกแบบ หรือศึกษาทางด้านปฐพีกลศาสตร์ ลักษณะการสำรวจชั้นดินจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ใช้งานด้วย เช่น งานถนนหรือสนามบิน การสำรวจจะกระทำเพียงตื้น ๆ แต่งาน ฐานรากลึก ต้องสำรวจลงไปลึกกว่าปลายเข็มที่คาดว่าจะใช้งาน สำหรับในบทนี้จะพูดถึงการสำรวจโดยวิธีเบื้องต้น โดยใช้ สว่านมือ การเจาะล้าง (Wash Boring) และการเก็บตัวอย่างดินโดยใช้ กระบอกเปลือกบาง (Thin Walled Tube)

🥇🥇🥇เจาะสำรวจดินก่อนก่อสร้างเพื่ออะไร?⚡⚡⚡

🦖1. เพื่อให้รู้ประเภทและชนิดของดินใต้พื้นที่ก่อสร้าง ทราบลักษณะเชิงกล เราจะได้เลือกใช้ ฐานรากได้ถูกประเภท เช่น หากดินแข็งพออาจจะเลือกใช้เป็น ฐานรากแผ่ แทน
⚡2. เพื่อให้ทราบความลึกของชั้นดินดาน (ดินแข็ง) ว่าลึกเท่าไร เพื่อนำไปคำนวณกำลังรับน้ำหนักของเสาเข็ม เลือกขนาดและความยาวเสาเข็มที่ต้องใช้ได้
👉3. ป้องกันความผิดพลาดในการตอกเสาเข็ม เพราะหากเจอชั้นดินแข็ง แต่ไม่หนาที่ชั้นความลึกไม่มาก อาจทำให้คนตอกเสาเข็มหยุดตอก เพราะคิดว่าถึงชั้นดินแข็งแล้ว ทั้งที่จริง ๆ สามารถตอกทะลุลงไปได้อีก หากดินในบริเวณที่สำรวจมีความผันผวนมาก วิศวกรควรสั่งให้เจาะสำรวจดินหลาย ๆ หลุมให้เพียงพอ เพื่อเปรียบเทียบ เพราะอาจต้องออกแบบฐานรากหลายชนิด สำหรับก่อสร้างอาคารนั้น

🎯🎯🎯ประเภทของการเจาะสำรวจดิน👉👉👉

✅1. การเจาะล้างด้วยเครื่องเจาะกระแทก (Percussion Drilling) 🥇คือการเจาะที่อาศัยแรงกระแทกของ Heavy chisel, Spun หรือ Wash boring ในการนำดินขึ้นมาจากหลุม แต่เพราะมีแรงกระแทก ทำให้เกิดการรบกวนตัวอย่างดินในชั้นที่อยู่ลึกลงไป ดังนั้น ต้องใช้ประสบการณ์ ความชำนาญ ในการควบคุมการเจาะเพื่อให้รบกวนดินน้อยที่สุด
📢2. การเจาะปั่น ✅คือการใช้ใบมีดหรือหัวเจาะหมุนลงไปในดิน โดยกำลังของเครื่องยนต์ ทำงานได้เร็ว นิยมใช้สำหรับเจาะหิน แต่ต้องใช้น้ำเป็นตัวช่วยระบายความร้อนที่หัวเจาะที่ก้นหลุมด้านล่าง

👉👉👉ข้อดี-เสีย เครื่องเจาะกระแทก VS เครื่องเจาะปั่น⚡⚡⚡

เครื่องเจาะกระแทก🛒📌🦖 (Percussion Drilling)
🎯1. น้ำหนักเบา การขนย้ายทำได้สะดวก🥇
⚡2. เคลื่อนย้ายเข้าตำแหน่งหลุมเจาะได้ง่ายสามารถทำงานภายในพื้นที่แคบ ๆ ได้✅
🦖3. สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงน้อย เมื่อเทียบกับแบบเจาะปั่น👉

เครื่องเจาะปั่น✨🥇🛒 (Rotary Drilling)
⚡1. สามารถเจาะหลุมได้ทุกขนาด และทุกสภาพชั้นดิน หรือแม้แต่ชั้นหิน🎯
✨2. การเคลื่อนย้ายเข้าพื้นที่สำรวจที่มีความลาดชันทำได้ง่ายกว่าเครื่องเจาะกระแทก🎯
📢3. การติดตั้งท่อกันดินในระดับลึกทำได้ง่าย📌
🎯4. ช่วยการติดตั้งท่อและอุปกรณ์สำหรับการทดสอบต่าง ๆ✅
🦖5. อัตราการเจาะหลุมเร็วกว่าเครื่องเจาะกระแทก🛒

⚡⚡⚡สรุป✨✨✨

ลักษณะชั้นดินในหลายพื้นที่ในประเทศไทยนั้นอาจมีความแปรปรวนของชั้นดิน ทำให้สภาพพื้นที่แตกต่างไปจากพื้นที่ทั่วไป เช่น มีชั้นทรายที่หลวมผิดปกติ มีชั้นดินเหนียวอ่อน หรือความลึกของชั้นดินแข็งมีความผันแปรสูง เป็นต้น จากลักษณะของชั้นดินเหล่านี้ อาจทำให้ฐานรากพังได้ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายอย่างคาดไม่ถึง ก่อนที่วิศวกรจะทำการออกแบบฐานรากที่ดีและเหมาะสมนั้น จึงต้องจัดให้มีการสำรวจดินอย่างเพียงพอ เพื่อให้การออกแบบสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เป็นไปอย่างละเอียดรอบครอบ ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม เพื่อการวิเคราะห์ดินจากประสบการณ์และการสังเกต เมื่อทราบข้อมูลดินบางส่วน จะต้องมีการวางแผนการเจาะดิน เพื่อให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย พร้อมกับได้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพราะดินมีคุณสมบัติที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปตามสถานที่ต่าง ๆ จึงยังไม่มีวิธีใดที่เหมาะสมที่สุดไปกับดินทุกสภาพ