poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Kanchana

#1
ถ้าหากคุณเป็นหนึ่งในคนที่เคยเที่ยวแถบเอเชียมากระทั่งแทบจะครบแล้ว และเริ่มรู้สึกต้องการเปลี่ยนบรรยากาศในการออกทริป และเปิดโลกใหม่ๆที่ไกลกว่าเดิม "ยุโรป" น่าจะเป็นจุดหมายถัดไปที่คุณต้องได้ไปลองสักหนึ่งครั้ง การเที่ยวยุโรปครั้งแรกอาจดูตื่นเต้นและชักชวนลุ้นไม่น้อยเลย เพราะเหตุว่าถึงแม้ว่าจะเคยเดินทางไปต่างประเทศมาก่อน (หรือไม่เคยเลย) แต่ยุโรปก็ยังมีหลายสิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจน ทั้งภาษา วัฒนธรรม อาหารการกิน การดำเนินชีวิต หรือหากแม้แต่ขั้นตอนการเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทาง ซึ่งถ้าเตรียมพร้อมให้ดีตั้งแต่ต้น จะช่วยทำให้การออกทริปยุโรปของคุณนั่นราบรื่นเป็นที่สุด ด้วยเหตุดังกล่าวพวกเราจึงจะมาแชร์วิธีเลือกประเทศแรกที่จะไปให้กับเหมาะกับตัวคุณ พร้อมเทคนิคการเตรียมความพร้อมพื้นฐานสำหรับมือใหม่ที่ต้องการเริ่มทริปยุโรปแบบไม่หลงกัน



ซึ่งหากใครมีประเทศในยุโรปที่ต้องการจะไปอยู่แล้ว การตัดสินใจก็คงไม่ยาก แต่สำหรับคนที่ยังเลือกไม่ได้เนื่องจากว่ามีหลายที่ที่ต้องการไป ลองพิจารณาสไตล์การเที่ยวของตัวก่อน อาทิเช่น หากถูกใจแนวศิลป์ สถลาปัตยกรรม หรือเน้นธรรมชาติ จากนั้นเลือกประเทศที่ตอบปัญหาก็สามารถที่จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าหากยังเลือกไม่ได้จริงๆการเที่ยวหลายประเทศในทริปก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะว่ายุโรปมีระบบรถไฟที่เชื่อมเมืองและประเทศต่างๆให้เดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ดังเช่นว่า เริ่มจากเยอรมนี แล้วถัดไปออสเตรีย เช็ก หรือเริ่มจากประเทศฝรั่งเศส แล้วไปอิตาลี ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็ได้ เพียงต้องวางแผนให้รอบคอบ ทั้งเรื่องเส้นทาง พี่พัก แผนการเที่ยว และวีซ่า รวมถึงการเผื่อเวลาและแผนสำรอง เนื่องจากการไปเที่ยวยุโรปครั้งแรก คุณจะได้เจอประสบการณ์ที่แปลกใหม่และคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน

5 ประเทศเที่ยวยุโรปครั้งแรกที่ต้องไปให้ได้
แน่นอนว่าประเทศในทวีปยุโรปนั้นมีมากมายให้เลือกนับไม่ถ้วน แต่ในคราวนี้พวกเราจะแนะนำเพียงแต่ 5 ประเทศยอดนิยม ที่เหมาะกับการเที่ยวยุโรปครั้งแรก พร้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นแลนด์มาร์กให้แต่ละประเทศที่ห้ามพลาด โดยมีประเทศที่แนะนำดังนี้

ประเทศฝรั่งเศส - ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศในฝันของใครหลายๆคน ด้วยเหตุว่าทั้งเสน่ห์ของศิลป์ สโผลงปัตยกรรม และวิถีชีวิตแสนโรแมนติกที่หาไม่ได้จากที่อื่น โดยที่เที่ยวเด่นๆก็มีทั้งหอพักไอเฟลที่ไปประเทศฝรั่งเศสสักครั้งก็ต้องแวะไป พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ที่ตรวจงานศิลป์ระดับนานาชาติไว้มากมาย พระราชสำนักแวร์ซายสุดอลังการ หรือประตูชัยที่อายุมากกว่า 200 ปี เรียกได้ว่าเป็นประเทศที่มีทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งความคลาสสิกและความหรูหราแบบประเทศฝรั่งเศสอย่างแท้จริง

อิตาลี - อิตาลีถือเป็นหนึ่งในประเทศที่เที่ยวได้ทุกฤดู เพราะว่ามีทั้งเมืองเก่า ศิลป์ วัฒนธรรม และธรรมชาติแบบดั้งเดิมในที่เดียว ซึ่งเมืองเด่นๆอย่าง โรม เวนิส ฟลอเรนซ์ และมิลาน ล้วนก็มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน ดังเช่นว่า โคลอสเซียม น้ำพุเทรวี หรือหอพักเอนปิซา หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก โดยที่ใครเป็นสายยุติธรรมชาติก็สามารถไปเที่ยวที่เทือกเขาโดโลไมต์ได้เลย รับรองว่าได้มุมธรรมชาติที่สวยงาม ไม่แพ้เมืงอหลวงในยุโรป

เยอรมนี - เยอรมนี หรือเยอรมันเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวบแบบไม่ต้องปรุงแต่งเพิ่มแต่อย่างใด แลนด์มาร์กที่น่าเที่ยวก็มีตั้งแต่ กำแพงเบอร์ลินที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของสงครั้ง มหาวิหารเบอร์ลิน ปราสาทนอยชวานสไตน์ในเทือกเขาแอลป์ ไปจนกระทั่งถึงมหาวิหารโคโลญสุดยิ่งใหญ่ ยิ่งสำหรับใครที่ชื่นชอบสถลาปัตยกรรมคลาสสิกผสมกับความทันสมัย เยอรมนีก็ตอบปัญหาเรื่องนี้ได้มากเลยทีเดียว

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ - ประเทศสวิตเซอร์แลนด์คือสรวงสวรรค์ของคนรักธรรมชาติอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะไปในฤดูไหนก็ได้สัมผัสทิวทัศน์ และบรรยากาศจากธรรมชาติแบบเต็มที่ ทั้งภูเขา สมุทรสาบ และหิมะ ยอดเขาจุงเฟราและแมทเทอร์ฮอร์นคือสองจุดชมทิวทัศน์ระดับนานาชาติ ส่วนสมุทรสาบโอชิเนนก็ใสและสวยงามเหมือนกับในโปสการ์ด ที่นี่เหมาะกับคนเที่ยวสายธรรมชาติที่ต้องการเดินชม และพักแบบสงบ หรือถูกใจการเดินฝ่าเสี่ยงอันตรายในป่า

ประเทศสเปน - ประเทศสเปนเป็นประเทศที่มีชีวิตชีวาในทุกมุมมอง ทั้งด้านสถลาปัตยกรรม อาหาร เทศกาล และวัฒนธรรมที่กระโดดเด่นไม่เหมือนใคร ที่นี่เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ และยังมีแหล่งมรดกทางโลกให้รับชมมากกว่า 50 แห่ง ใครที่ถูกใจเดินเที่ยวเล่นในเมือง คุณจะได้ลองอาหารท้องถิ่น และจ่ายตลาดฝากทำมือกลับไปด้วย หรือถ้าหากต้องการซับบรรยากาศที่สนุกจากเทศกาล ก็หาได้ที่ประเทศสเปนอย่างเช่นเดียวกัน

ตระเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้างให้การเที่ยวยุโรปครั้งแรกไม่มีพลาด
ก่อนที่จะไปเที่ยวยุโรป สิ่งแรกที่ต้องจัดแจงเลยก็คือ "วีซ่า" โดยเฉพาะอย่างยิ่งวีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) ที่ใช้เที่ยวได้ในกว่า 29 ประเทศในยุโรป ซึ่งถ้าเกิดใครมีแผนในการจะเที่ยวหลายประเทศในทริปเดียวก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความสะดวก และลดขั้นตอนที่ยุ่งยากลงไปได้อีก ด้วยเหตุว่าขอเพียงแค่ครั้งเดียวก็เดินทางข้ามประเทศได้เลย แต่ก็ต้องตรวจสอบให้ดีด้วยว่าประเทศที่จะไปอยู่ในกลุ่มเชงเก้นหรือไม่ ถ้าเกิดไปประเทศเดียว ให้ยื่นขอวีซ่ากับสถานนักการทูตหรือศูนย์ยื่นวีซ่าของประเทศนั้นโดยตรงได้เลย
แต่ในกรณีหากไปหลายประเทศ ให้ยื่นกับประเทศที่พวกเราจะอยู่พักนานที่สุด หรือประเทศแรกที่พวกเราจะเดินทางไปพบกระยะเวลาเท่ากัน ส่วนเอกสารที่ต้องใช้ในการขอวีซ่า แนะนำให้เช็กที่หน้าเว็บไซต์ของสถานราชทูตหรือศูนย์ยื่นวีซ่าอีกที เนื่องจากแต่ละประเทศอาจมีเนื้อหาต่างกันบางส่วน จะได้ตระเตรียมให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตั้งแต่ต้นและทำให้การเที่ยวยุโรปครั้งแรกราบรื่นที่สุด

บทสรุป
การได้ไปเปิดโลกในการออกทริปยุโรปครั้งแรก ไม่ใช่เรื่องยากหรือไกลเกินฝันแน่นอน เพียงแต่เลือกประเทศที่ต้องการไป วางแผนให้ดี และเตรียมความพร้อมให้พร้อมก็สามารถออกทางเดินทางกันได้แล้ว ซึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวท่านใดที่ไม่มีวางแผนเวลาแผนการเดินทาง เลือกไปกับ funnytripholiday ให้การท่องเที่ยวยุโรปครั้งแรกของคุณนั้นง่ายขึ้น เพราะว่ามีทุกอย่างให้เลือกแบบง่ายๆสะดวกทั้งการเดินทาง ที่พัก อาหารการกิน และพร้อมพาคุณไปเที่ยวแลนด์มาร์คสำคัญของแต่ละประเทศได้ครบอย่างแน่นอน
#2
เยอรมัน หรือเยอรมนี เป็นหนึ่งในประเทศฝั่งยุโรปที่มีเสน่ห์ทั้งด้านประวัติศาสตร์ที่มาอย่างยาวนาน และความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวตั้งแต่ปราสาทสุดคลาสสิกที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเทพนิยาย จนกระทั่งไปถึงเมืองทันสมัยอย่างเบอร์ลิน มิวนิก แฟรงก์เฟิร์ต และโคโลญ ซึ่งในแต่ละเมืองก็มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวจากยุคสงครามโลก สถลาปัตยกรรมเก่าแก่จากอดีต หรือบรรยากาศของธรรมชาติที่เชื้อเชิญให้หลงใหล อีกทั้งยังมีเทศกาลระดับนานาชาติอย่าง Oktoberfest ที่สายเบียร์ไม่ควรจะพลาดอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลดังกล่าวใครที่ต้องการออกทริป หรือไปเที่ยวเยอรมัน พวกเรามี 10 สถานที่ท่องเที่ยวเยอรมันที่คุณไม่ควรจะพลาดอย่างยิ่งด้วย รับรองรับได้เลยว่าที่นี่จะเป็นจุดหมายปลายทางที่ตอบปัญหาทุกสายเที่ยวได้อย่างลงตัวแน่นอน



ที่ท่องเที่ยวเยอรมัน เที่ยวช่วงไหน ก็สนุกได้ทุกฤดู
ไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนก็สามารถเที่ยวสนุกได้ เพราะว่าที่ท่องเที่ยวเยอรมันมีเสน่ห์ต่างกันไปในแต่ละฤดู ช่วงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเลยคือเดือนพ.ค.ถึงกันคุณยายน ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศกำลังดี แดดออกนาน เหมาะกับการเดินเล่น ชมเมือง ชมทิวทัศน์ และเที่ยวกลางแจ้นได้แบบเต็มที่ โดยมากที่ต้องการสัมผัสอากาศหนาวๆในธีมคริสต์มาสก็ต้องมาเดือนธันวาคม เพราะว่าทั้งเมืองจะประปิดไฟสวยงาม มีตลาดคริสต์มาสให้เดินเลือกจับจ่ายซื้อของแบบเพลิดเพลินๆหรือถ้าหากเป็นสายสกี ที่ชื่นชอบหิมะ ช่วงฤดูหนาวก็เหมาะมาก กล่าวได้นัยหนึ่งว่าเยอรมนีเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าท่องเที่ยว และสามารถมาได้ทุกฤดูกาล ขึ้นกับว่าคุณถูกใจบรรยากาศแบบไหนมากกว่า

รวม 10 ที่ท่องเที่ยวเยอรมันไปเที่ยวทั้งทีต้องห้ามพลาดเช็กอินที่นี่
หากมาเที่ยวเยอรมนีแล้วต้องการเก็บแลนด์มาร์กให้ครบ ต้องไม่พลาด 10 สถานที่ท่องเที่ยวเยอรมันที่ทั้งสวย คลาสสิก และเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น

ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle)
ปราสาทสุดโรแมนติกท่ามกลางหุบเขาแอลป์ ที่สวยจนกระทั่งกลายเป็นแรงบันดาลใจของปราสาทดิสนีย์ ตัวอาคารเป็นสถลาปัตยกรรมนีโอโกธิกผสมยุคกลาง ช่วงฤดูใบไม้ตกนับว่าเป็นช่วงที่สวยที่สุด เนื่องจากปราสาทขาวจะตัดกับใบไม้สีแดงส้มได้อย่างลงตัว

พระราชสำนักนิมเฟนเบิร์ก (Nymphenburg Palace)
วังฤดูร้อนของราชวงศ์บาวาเรียในเมืองมิวนิก กระโดดเด่นในด้านสโผลงปัตยกรรมแบบประเทศฝรั่งเศสและอังกฤษ ภายในมีพิพิธภัณฑ์ สวนขนาดใหญ่ และโชว์ของสะสมสุดล้ำค่าอีกมากมาย เหมาะสำหรับคนชื่นชอบผลงานศิลป์และประวัติศาสตร์เป็นที่สุด

พระราชสำนักซวิงเกอร์ (Zwinger Palace)
วังสไตล์บาโรกในเมืองเดรสเดน โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากราชสำนักแวร์ซาย ของประเทศประเทศฝรั่งเศส แม้ว่าจะเคยได้รับความเสียหายจากสงครามโลกมาแล้ว แต่ได้รับการบูรณะใหม่อย่างวยงงดงาม จนถึงกลายเป็นหนึ่งในจุดไฮไลต์ถ่ายภาพสุดอลังการของเยอรมนีเลยทีเดียว

ปราสาทไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg Castle)
ปราสาทหินทรายสีแดงบนเนินเขา แลเห็นได้จากระยะไกล และมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 แม้ว่าจะไม่ได้มีสภาพสมบูรณ์ 100% แต่ด้วยบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกคลาสสิก ก็ทำให้ได้รับการขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลก

มหาวิหารเซนต์บาร์โธโลมิว (St. Bartholomew's Cathedral)
หนึ่งในโบสถ์สไตล์โกธิกกลางเมืองแฟรก์เฟิร์ต สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 และผ่านการบูรณะมาบ่อย แต่ภายในยังคงงดงามด้วยศิลปะยุคกลาง และความสง่างามของหอสังเกตการณ์สูงกว่า 90 เมตรที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน

มหาวิหารเบอร์ลิน (Berlin Cathedral)
วิหารทรงโดมใหญ่ที่อยู่ใจกลางกรุงเบอร์ลิน กระโดดเด่นด้วยสโผลงปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างบาโรกและเรเนสซองส์ ภายในประดับด้วยงานแกะสลัก กระจกสี และยังสามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์เมืองเบอร์ลินได้แบบรอบด้านเลยด้วย

กำแพงเบอร์ลิน (Berlin Wall)
ซากประวัติศาสตร์ที่สำคัญจากยุคการทำศึกเย็นที่เคยแบ่งประเทศเยอมันออกเป็นตะวันออก - ตะวันตก ตอนนี้กลายเป็นจุดถ่ายภาพ และแกลเลอรีกลางแจ้งที่เต็มไปด้วยงานศิลปะและกราฟิตี้ที่หลากหลาย ที่สะท้อนถึงความอิสระและสันติภาพที่ได้กลับคืนมา

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)
หนึ่งในแลนด์มาร์กสุดอลังการแห่งเมืองโคโลญ ที่ใช้เวลาก่อสร้างมายาวนานกว่า 600 ปี ตัววิหารมีความมากถึง 157 เมตร มีหน้าต่งกระจกสีขนาดใหญ่ และงานประติมากรรมสไตล์โกธิกที่ละเอียดทุกมุมให้เข้าชม เรียกได้ว่าใครที่ชื่นชอบงานสถลาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ ที่นี่คือคำตอบที่ดีเลยที่จะแวะมาเที่ยวชม

ราชสำนักซ็องซูซี (Sanssouci Palace)
พระราชสำนักฤดูร้อนของพระผู้เป็นเจ้าฟรีดริชที่ 2 ในเมืองพอทส์ดัม ออกแบบในสไตล์โรโคโค่ ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาพร้อมสวนที่สวยงามแบบรอบด้าน ชื่อ Sanssouci แปลได้ว่า "ไม่มีกังวล" ซึ่งเหมาะกับบรรยากาศในการเที่ยวพักที่นี่อย่างแท้จริง

ประตูบรันเดนบวร์ก (Brandenburg Gate)
ประตูเมืองเก่าแก่สไตล์กรีกโรมันที่อยู่ตรงใจกลางเมืองเบอร์ลิน เคยเป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งแยกในยุคโซเวียด และเดี๋ยวนี้กลายเป็นจุดศูนย์รวมใจของการรวมชาติ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่พลาดไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเกิดได้มาเยี่ยมประเทศเยอรมนีแล้ว

บทสรุป
แม้พูดว่าเยอรมนีเป็นประเทศที่มีความสวยงาม มีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายยุคสมัย จนถึงเป็นที่น่าท่องเที่ยวแล้วละก็คงไม่เกินจริงแน่นอน เนื่องจากว่าที่เยอรมนีมีทั้งปราสาท ราชสำนัก โบสถ์และสถานที่สำคัญต่างๆที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง ซึ่งสถานที่กลุ่มนี้ล้วนดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทั้งโลกให้มาเยี่ยมอยู่เสมอเวลา ไม่ว่าจะฤดูกาลใดก็ตาม ก็ได้รับความนิยมและความประทับใจจากการท่องเที่ยวเสมอ ท้ายสุดเลยที่เที่ยวในเยอรมนีก็ยังไม่หมดเพียงแค่ที่พวกเราได้แนะนำไปเท่านั้น ยังมีอีกหลากหลายสถานที่ให้คุณได้ไปเยี่ยม ถ้าเกิดมีโอกาสได้ไปเยอรมนี หรือกำลังวางแผนไปออกทริปเยอรมนีกันอยู่ เว้นเสียแต่ไปเยี่ยมสถานที่แลนด์มาร์กแล้ว ก็อย่าลืมไปสำรวจที่เที่ยวอื่นๆกันด้วย
#3


การไปเที่ยวอิตาลีเดือนพฤศจิกายน อาจไม่ใช่ช่วงยอดนิยมเหมือนฤดูร้อนหรือช่วง High Season มากนัก แต่ในช่วงเดือนนี้กลับมีเสน่ห์ส่วนตัวที่หลายคนอาจยังไม่ทราบ เพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูใบไม้หล่นและฤดูหนาว เมืองต่างๆจึงเงียบสงบ นักท่องเที่ยวน้อย สถานที่ท่องเที่ยวไม่แออัด บรรยากาศเหมาะกับคนที่ต้องการเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ ได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบอิตาลีแท้ๆและที่สำคัญคือ ค่าใช้จ่ายที่พักและตั๋วเครื่องบินมักถูกลงกว่าเดิม ถึงแม้อากาศจะเริ่มเย็นและมีฝนโปรยปรายบางวัน แต่ถ้าเตรียมพร้อมพร้อม ก็สามารถเที่ยวได้อย่างสบาย และได้ลิ้มลองอาหารตามฤดูกาลด้วย ยกตัวอย่างเช่น เห็ดทรัฟเฟิลหรือเหล้าองุ่นใหม่จากไร่องุ่น อีกทั้งยังมีทิวทัศน์เมืองในโทนอบอุ่นของใบไม้เปลี่ยนสีให้เดินชมได้อย่างเพลิดเพลินใจ นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ลงตัวมากสำหรับคนที่ต้องการท่องเที่ยวอิตาลีแบบเดิมๆได้ฟีลแบบไม่ต้องแย่งถ่ายภาพกับใคร ทำให้เดือนนี้เป็นอีกช่วงเวลาที่เที่ยวอิตาลีได้อย่างคุ้มค่าไม่แพ้ฤดูอื่น

เตรียม เที่ยวอิตาลีเดือนพฤศจิกายน ทำอย่างไรให้เที่ยวกันอย่างราบรื่น
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน อุณหภูมิในอิตาลีชอบมีการลดลงอย่างสม่ำเสมอ โดยยิ่งไปกว่านั้นทางภาคเหนือที่อาจหนาวเย็นถึง 5–10°C ส่วนทางภาคกลางและทางตอนใต้จะมีอากาศที่อุ่นกว่านิดหน่อย การเตรียมให้พร้อมสำหรับเที่ยวอิตาลีเดือนพฤศจิกายน จึงขาดสิ่งกลุ่มนี้ไปไม่ได้เลย

เสื้อแจ็คเก็ต / เสื้อกันหนาว - ควรจะพกเสื้อแจ็คเก็ตหรือโค้ทที่ให้ความอบอุ่นและกันลมได้เป็นอย่างดีมากด้วย เนื่องจากอากาศในช่วงเดือนพฤศจิกายนของอิตาลี ชอบหนาวเย็นในช่วงเช้าและกลางคืน

เสื้อผ้าหลายชั้น - ทางที่ดีควรจะเลือกสวมเสื้อหลายชั้นให้ปรับเปลี่ยนได้ง่าย ถ้าหากเจอวันที่อุ่นขึ้นก็สามารถถอดออกบางชั้นได้ทันที

เสื้อฝน / โค้ทกันน้ำ - การที่จะมีฝนตกในช่วงเดือนพฤศจิกายนไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องปกติด้วย ฉะนั้นคุณจึงจะต้องมีเนื้อกันฝนหรือโค้ทที่กันน้ำได้ในระดับหนึ่งติดตัวไว้ด้วยเสมอ

รองเท้ากันน้ำและใส่สบาย - เว้นแต่ฝนแล้ว อาจจะมีหิมะผสมปนเปปลายๆมาบ้าง ทำให้คุณจำเป็นต้องต้องใส่รองเท้ากันน้ำหรือบูทที่กันน้ำได้ เพื่อที่คุณจะสามารถเดินเที่ยวในอิตาลีช่วงนี้ได้อย่างสบายๆ

ผ้าที่เอาไว้สำหรับพันคอ หมวก ถุงมือและถุงเท้าหนา - เครื่องสวมเพิ่มเติมที่จะช่วยทำให้คุณอบอุ่นขึ้นได้ และจำเป็นจะต้องกับการเที่ยวอิตาลีในบางพื้นที่ เป็นต้นว่า มิลาน โบโลญญา หรือเวนิส เพื่อป้องกันลมหนาวที่แรงและเย็นจัด

นอกนั้นแล้วควรจะจัดเตรียมร่ม หรือใช้กระเป๋าที่สามารถกันน้ำไว้ด้วย เพื่อป้องกันฝนที่อาจเจอได้แบบไม่คาดฝัน รวมทั้งระหว่างการท่องเที่ยวก็ควรจะต้องเช็กสภาพอากาศในทุกวันไว้ด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากในช่วงนี้จะมีสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน เพื่อให้คุณสามารถแต่งตัวได้เหมาะสม กับสภาพอากาศที่ต้องเจอ



5 เมืองน่าเที่ยวอิตาลีเดือนพฤศจิกายน ชมเสน่ห์เฉพาะบุคคลของแต่ละท้องถิ่น
ถ้าหากคุณถูกใจการเที่ยวอิตาลีแบบสบายๆไม่ต้องไปแย่งที่ ไปเจอคนมากมาย การเที่ยวอิตาลีเดือนพฤศจิกายนจะเป็นอะไรที่ตอบปัญหาเป็นอย่างมาก ทั้งอากาศเย็นที่แสนโรแมนติก และนักท่องเที่ยวน้อยลงอย่างมองเห็นได้ชัด และนี่คือ 5 เมืองแนะนำที่น่าเที่ยวที่สุดในช่วงนี้

โรม (Rome) - เมืองหลวงสุดคลาสสิกที่คุณจะได้เดิมชมโบราณสถานมีชื่อเสียงอย่างโคลอสเซียม และน้ำพุเทรวีอย่างสบายๆโดยไม่ต้องแทรกเสียงกับกลุ่มคนหรือนักท่องเทียน อากาศที่เย็นกำลังดีเหมาะกับการเดินเล่น และยังได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นที่เป็นกลางชาติ

ฟลอเรนซ์ (Florence) - เมืองแห่งศิลป์และสโผลงปัตยกรรมระดับนานาชาติ ที่จะเพิ่มความโรแมนติกให้มากเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวที่น้อยลง ทำให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆได้สะดวกมากขึ้น พร้อมทั้งเดินชมเมืองเก่าท่ามกลางอากาศเย็นสบายและชมทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสีได้

เวนิส (Venice) - เมืองลอยน้ำที่โรแมนติก และยังเป็นหนึ่งในเมืองยอดนิยมที่น่าเที่ยว ด้วยเหตุว่าคุณสามารถล่องเรือกอนโดลาได้แบบไม่แออัด และถ่ายภาพสวยๆได้สบาย แต่ต้องระวังเรื่องน้ำหลากที่อาจเกิดขึ้นในช่วงนี้ด้วย ควรจะจัดแจงรองเท้ากันน้ำและเช็กพยากรณ์อากาศล่วงหน้าก่อนไปเสมอ

เนเปิลส์ (Naples) - เมืองทางตอนใต้ของอิตาลีที่อากาศยังไม่หนาวจัด เหมาะกับคนที่ไม่ถูกใจความหนาวเย็นมาก ที่เมืองเนเปิลส์นั้นขึ้นชื่อเรื่องของอาหารอร่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิซซ่าเจ้าตำรับ และยังอยู่ใกล้เมืองโบราณปอมเปอีที่เที่ยวได้แบบไม่ต้องแย่งใครอีกด้วย

โบลซาโน (Bolzano) - เมืองในแคว้นไทโรลใต้ ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติและเทือกเขาโดโลไมต์ ยิ่งในเดือนพฤศจิกายนคุณจะได้มองเห็นภูเขาสลับสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี และยอดเขาที่เริ่มปกคลุมด้วยหิมะ เป็นหนึ่งในปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติเลยทีเดียว

บทสรุป
ถึงแม้เดือนพฤศจิกายนจะไม่ใช่ช่วงที่น่าเที่ยวมากเท่าไรนัก แต่หากคุณต้องการบรรยากาศแบบสบายๆเดินเล่นชิลไม่ต้องไปแออัดกับฝูงคนหรือนักท่องเที่ยว เดือนนี้จะกลายเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคนที่ต้องการเที่ยวในสไตล์นี้ เพราะเหตุว่าคุณสามารถรับชมบรรยากาศที่เงียบสงบ และเที่ยวได้ในราคาไม่แพง เรียกได้ว่าช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงเวลาทองของการเที่ยวอิตาลีที่ไม่ควรจะพลาดอย่างยิ่ง
#4
ถ้าหากพูดถึงโบรกเกอร์ที่กำลังมาแรงและได้รับความนิยมในกลุ่มนักเทรดไทย ZFX Thailand หรือ Zeal Capital Market ต้องติดอันดับแน่นอน ด้วยจุดเด่นที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น สเปรดต่ำ ค่าคอมมิชชั่นคุ้มค่า เลเวอเรจสูง ทำให้โบรกเกอร์นี้กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆของเทรดเดอร์หลายคน แต่คำถามคือ ZFX ดีจริงไหม? ปลอดภัยหรือไม่? และเหมาะกับใคร? โดยพวกเราจะมาดูกันว่าอะไรที่ทำให้คุณเลือกที่จะเชื่อใจในการใช้โบรกเกอร์ได้อย่างถูกต้อง

เริ่มแรกมาทำความรู้จักก่อนว่า ZFX อยู่ภายใต้การบริหารของ Zeal Capital Market Limited ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุมัติจาก FCA (Financial Conduct Authority - UK) และ FSC (Financial Services Commission - Mauritius) ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องของความโปร่งใสและมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ที่สำคัญ ZFX มีมาตรการแยกบัญชีเงินลูกค้า (Segregated Account) เพื่อให้แน่ใจว่าเงินของเทรดเดอร์จะถูกจัดเก็บแยกจากเงินของบริษัท ป้องกันปัญหาการนำเงินลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ยิ่งกว่านั้น ZFX ยังให้บริการ MetaTrader 4 (MT4) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทรดที่ได้รับความนิยมสูงสุด ใช้งานง่าย รองรับทั้ง EA (Expert Advisor) และ Custom Indicators เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ ไม่ต้องกังวลเรื่องระบบที่ผิดพลาดสำหรับการออกออเดอร์ รับรองความแม่นยำให้คุณสร้างรายได้อย่างไม่จำกัด

อีกหนึ่งจุดแข็งที่ทำให้ ZFX ได้รับความนิยมในไทย คือ ระบบฝาก-ถอนที่รองรับธนาคารไทยโดยตรง นักเทรดสามารถฝากเงินผ่าน Mobile Banking ได้ง่ายๆโดยไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม และเงินเข้าพอร์ตเร็วมากภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งสะดวกกว่าหลายๆโบรกเกอร์ที่ต้องผ่านช่องทางกลาง ส่วนเรื่องค่าธรรมเนียม ZFX มีสเปรดที่ค่อนข้างต่ำ โดยยิ่งไปกว่านั้นบัญชี ECN ที่ให้สเปรดเริ่มเพียงแต่ 0.2 pips และมีค่าคอมมิชชั่นที่คุ้มค่า

อีกทั้งยังมีการเปิดให้ใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) ฝึกหัดเทรดฟรี ซึ่งเหมาะกับมือใหม่ที่ยังไม่ต้องการเสี่ยงใช้เงินจริงอีกด้วย ซึ่งนับเป็นข้อดีอย่างมากที่เปิดโอสให้ได้ทำความเข้าใจวิธีการใช้งานไปพร้อม ทั้งนี้สำหรับนักเทรดที่เน้นเทรด Forex, ทองคำ, น้ำมัน และดัชนี ZFX นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากเพราะว่ามีเงื่อนไขการเทรดที่คุ้มค่าและการใช้คำสั่งการออกออเดอร์ได้อย่างเร็วทันใจไม่มีตกรถแน่นอน

เพราะเหตุใด ZFX Thailand ถึงเป็นตัวเลือกแรกของนักเทรดไทย? ส่องข้อดีที่คุณต้องทราบ

ถ้าเกิดคุณกำลังมองหาโบรกเกอร์ที่ให้มากกว่าการเทรดทั่วๆไป ZFX Thailand อาจเป็นตัวเลือกที่ตอบปัญหาคุณมากที่สุด ในยุคที่ตลาดฟอเร็กซ์มีการแข่งขันสูง ZFX ไม่ได้เน้นเพียงแค่การเป็นแพลตฟอร์มซื้อขาย แต่ยังให้ความสำคัญกับ "ประสบการณ์การเทรดที่จัดเต็ม" ตั้งแต่ต้นจนถึงจบ จุดเด่นของโบรกเกอร์นี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องเทคนิค แต่คือ ความเข้าใจพฤติกรรมของนักเทรดไทย ซึ่งมองเพียงบริการที่ให้สเปรดต่ำ แต่ก้าวไปไกลกว่านั้น ด้วยการออกแบบระบบบริการที่เน้นความสะดวก เร็ว และโปร่งใส

ที่สำคัญที่สุดคือการมีระบบบัญชีที่ยืดหยุ่น ตอบตอบสนองทั้งนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการเริ่มอย่างปลอดภัย และเทรดเดอร์มืออาชีพที่ต้องการเครื่องมือช่วยเทรดที่เหนือกว่า โบรกเกอร์นี้ยังมี ระบบวิเคราะห์ตลาดที่ลึกและแม่นยำ อัปเดตข่าวสารสารแบบเรียลไทม์ และมีเครื่องมือช่วยตัดสินใจที่ทันสมัย ทำให้คุณไม่พลาดทุกโอกาสการได้กำไร

นอกนั้นยังมี ทีมซัพพอร์ตที่ให้บริการแบบมืออาชีพ พร้อมให้คำแนะนำแบบสนิทสนม ไม่ใช่เพียงแค่ตอบคำถามทั่วๆไปแต่สามารถช่วยแนะแนวทางการเทรดได้จริง ZFX ไม่ได้มองดูตนเองเป็นเพียงแค่โบรกเกอร์ แต่เป็น พาร์ทเนอร์ของนักเทรด ที่ช่วยสนับสนุนให้ทุกคนมีโอกาสเติบโตในตลาดได้อย่างมั่นคง และนี่คือเหตุผลว่าเพราะอะไร ZFX ถึงเป็น "โบรกเกอร์ที่ใช่" สำหรับเทรดเดอร์ไทยยุคใหม่ที่ต้องการมากกว่าเพียงแค่แพลตฟอร์มซื้อขายทั่วๆไปนั่นเอง



ZFX Thailand มีบัญชีอะไรบ้าง? เลือกให้เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ

การเลือกประเภทบัญชีเทรดนับว่าเป็นก้าวแรกที่สำคัญ ด้วยเหตุว่ามันส่งผลต่อทุกอย่าง ตั้งแต่เงินลงทุนการเทรด กลยุทธ์ที่ใช้ ไปจนถึงถึงกำไรที่คุณจะได้รับ ZFX Thailand เข้าใจดีว่าเทรดเดอร์แต่ละคนมีสไตล์การเทรดที่แตกไม่เหมือนกัน จึงออกแบบบัญชีให้มีทางเลือกที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งสายมือใหม่ที่ต้องการเริ่มแบบไม่สลับซับซ้อน และสายโปรที่ต้องการค่าธรรมเนียมต่ำที่สุด บัญชีแรกที่เหมาะสำหรับผู้ริเริ่มคือ บัญชี Standard STP ซึ่งมีข้อจำกัดการเทรดที่เรียบง่าย ฝากขั้นต่ำไม่สูง และไม่คิดค่าคอมมิชชั่น เพียงแค่ดูสเปรดให้เป็นก็ผลกำไรได้แล้ว

ส่วนถ้าเกิดคุณเป็นนักเทรดที่มองหาค่าธรรมเนียมต่ำสุดๆและความเร็วในการส่งคำบัญชาขั้นสูง บัญชี ECN คือคำตอบ เพราะว่าใช้การเชื่อมต่อโดยตรงไปยังตลาดกลาง ทำให้ได้ราคาที่แทบจะไม่มีส่วนต่าง (Raw Spread) แต่ต้องแลกเปลี่ยนมากับค่าคอมมิชชั่นต่อออเดอร์ที่ถูกหักไป ส่วนสายใหญ่ที่ต้องการข้อจำกัดสุดพิเศษ บัญชี VIP ก็เป็นอีกตัวเลือกที่คุ้ม ด้วยเหตุว่ามีทั้งสเปรดต่ำ ค่าคอมฯ พิเศษ และบริการแบบพรีเมียม

ทั้งนี้การเลือกบัญชีต้องพิจารณาจาก ขนาดพอร์ต, กลยุทธ์ที่ใช้ และทุนที่คุณรับได้ ด้วยเหตุดังกล่าวก่อนสมัคร ถามตัวเองก่อนว่าคุณเป็นเทรดเดอร์สายไหน แล้วเลือกบัญชีให้เหมาะกับสไตล์ของคุณ ซึ่งที่นี่มีครบให้คุณได้ใช้งานอย่างคล่องมือทีเดียว บอกได้เลยว่าคุณจะติดใจจนถึงไม่ต้องการจะย้ายไปใช้โบรกเกอร์อื่นกันเลยทีเดียว
#5


การเทรด Forex ที่เคลื่อนที่รวดเร็วทันใจและเต็มไปด้วยโอกาส การมี เครื่องมือช่วยเทรด Forex ฟรี ที่สามารถปรับแต่งได้ตามสไตล์ของแต่ละคนนับว่าเป็นข้อได้เทียบสำคัญ ซึ่ง EA Thailand ก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆของเทรดเดอร์ไทย ด้วยระบบที่รองรับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ โดยจุดเด่นที่ทำให้ EA ตัวนี้แตกแตกต่างจากเครื่องมือทั่วๆไปคือ "ความยืดหยุ่น" และ "ความง่ายในการใช้งาน" ที่ช่วยทำให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากขึ้น

EA Thailand ไม่ใช่เพียงแค่บอทเทรดทั่วๆไป แต่ถูกพัฒนาให้ตอบปัญหาการใช้งานของนักเทรดชาวไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง รองรับการตั้งค่าที่ละเอียด สามารถระบุกลยุทธ์ได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น Scalping, Swing Trading หรือหากแม้แต่ Martingale ระบบอัจฉริยะของมันสามารถวิเคราะห์แนวโน้มตลาดแบบเรียลไทม์ ปรับคำบัญชาซื้อขายอัตโนมัติตามข้อตกลงที่ตั้งไว้ ทำให้ลดความผิดพลาดจากอารมณ์ของมนุษย์ และเพิ่มโอกาสในการได้กำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อีกหนึ่งจุดแข็งของ EA Thailand คือ อินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ ถึงแม้ไม่มีพื้นฐานด้านโค้ดดิ้งหรือการตั้งค่าสลับซับซ้อนก็สามารถเริ่มได้ในไม่กี่คลิก ตัว EA มาพร้อมคู่มือและคำแนะนำอย่างละเอียด ทำให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าและทดลองกลยุทธ์ต่างๆได้ทันที ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 ได้อย่างราบรื่น

สุดท้ายแล้ว EA Thailand ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือช่วยเทรด แต่เป็นเหมือนผู้ช่วยที่ทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่ายและมีความแม่นยำมากขึ้น ใครที่กำลังมองหา EA ที่ยืดหยุ่น ใช้งานง่าย และช่วยทำให้การเทรดเป็นไปอย่างลื่นไหล ซึ่งเรียกได้ว่านี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่คุณไม่ควรจะดูข้าม

เครื่องมือช่วยเทรด Forex ฟรี คืออะไร และช่วยลดความเสี่ยงในการเทรดได้อย่างไร?

เครื่องมือช่วยเทรด Forex ฟรี นับว่าเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้การซื้อขายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นักเทรดจำนวนมากมักพบเจอกับปัญหาความไม่แน่นอนของตลาด การเคลื่อนไหวของราคาแบบคาดเดาไม่ได้ รวมทั้งอารมณ์ที่อาจมีผลต่อการตัดสินใจในการเทรด ซึ่งนี่คือจุดที่เครื่องมือกลุ่มนี้เข้ามาช่วย ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรอย่างฉลาดหลักแหลม

เครื่องมือช่วยเทรดในตลาดนั้นมีหลายประเภท ตั้งแต่อินดิเคเตอร์วิเคราะห์ตลาด อย่าง Moving Average, RSI, MACD ที่ช่วยทำให้เทรดเดอร์สามารถอ่านแนวโน้มของตลาดได้ง่ายขึ้น ไปจนถึง EA (Expert Advisor) หรือบอทเทรดอัตโนมัติ ที่สามารถเปิด-ปิดออเดอร์ตามข้อตกลงที่ตั้งไว้โดยไม่ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา บางเครื่องมือยังให้ สัญญาณเทรดอัตโนมัติ (Forex Signals) ที่แจ้งให้ผู้ใช้รู้ถึงโอกาสการเข้าซื้อหรือขายตามกลยุทธ์ที่ผ่านการวิเคราะห์มาแล้ว

ในด้านของการลดความเสี่ยง เครื่องมือช่วยเทรดมีส่วนช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูล ไม่ใช่อารมณ์ ดังเช่น การใช้ ระบบแจ้งเตือนแนวรับ-แนวต่อต้าน เพื่อป้องกันการเข้าเทรดผิดจังหวะ หรือ การตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit อัตโนมัติ ที่ช่วยทำให้สามารถระบุขอบเขตการขาดทุนและเป้าหมายกำไรได้อย่างรัดกุม ทำให้ไม่ต้องพบเจอกับการขาดทุนหนักเพียงแค่เนื่องจากพลาดการควบคุมความเสี่ยง

อีกข้อดีของเครื่องมือช่วยเทรด Forex คือการเพิ่มความแม่นยำในการเทรด เทรดเดอร์สามารถใช้ เครื่องมือ Backtesting เพื่อลองทดลองกลยุทธ์ย้อนหลังกับข้อมูลในอดีต ช่วยทำให้มีความเห็นว่ากลยุทธ์ที่ใช้มีประสิทธิภาพหรือไม่ก่อนนำมาใช้จริง รวมถึง ระบบบริหารจัดการเงินทุน ที่ช่วยแบ่งรูปร่างเงินลงทุนอย่างเหมาะสม ลดโอกาสการล้างพอร์ตจากการใช้ Leverage มากเกินไป

เรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยที่ทำให้การลงทุนมีแบบแผน มีวินัย และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ เมื่อใช้อย่างถูกต้อง มันจะกลายเป็นเหมือนผู้ช่วยอัจฉริยะที่ช่วยทำให้การเทรดของคุณเป็นระบบมากขึ้น และช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณอยู่รอดในตลาด Forex ได้อย่างดีทีเดียว

เครื่องมือช่วยเทรด Forex ฟรี ต้องมากแค่ไหนสำหรับนักเทรด?

เครื่องมือช่วยเทรด Forex ฟรี กลายเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยทำให้เทรดเดอร์สามารถจัดการกับตลาดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ในขณะที่บางคนเห็นว่าเป็นตัวช่วยเสริมที่ทำให้พวกเราไม่จำเป็นต้องต้องใช้ก็ได้ แต่ในความเป็นจริง การมีเครื่องมือที่ดี เปรียบการมี เข็มทิศนำทาง ที่ช่วยทำให้การเดินทางในตลาดการเงินเป็นไปอย่างราบรื่นและลดโอกาสในการตัดสินใจผิดพลาดได้อย่างน่าอัศจรรย์

สิ่งที่ทำให้เครื่องมือช่วยเทรดมีความสำคัญ คือมันช่วยทำให้เทรดเดอร์สามารถ แลเห็นโอกาสที่อาจมองข้ามไปด้วยตาเปล่า อาทิเช่น อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคที่ช่วยเจาะจงแนวโน้มตลาด จุดกลับตัว หรือหากแม้แต่ระดับแนวรับแนวต้านทานที่สำคัญ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ต้องต่อการตัดสินใจซื้อขาย เครื่องมือพวกนี้ช่วยทำให้การวิเคราะห์แม่นยำขึ้น ลดความเสี่ยงจากการเทรดโดยใช้เพียงแค่ "ความรู้สึก" ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดหลักของนักลงทุนมือใหม่

สำหรับนักเทรดที่ยังไม่มีประสบการณ์มากนัก เครื่องมือพวกนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ช่วยทำให้พวกเขาสามารถ ทำความเข้าใจกับโครงสร้างตลาดได้ดียิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเสียเงินไปกับซอฟต์แวร์ราคาแพง อาทิเช่น ระบบแจ้งเตือนสัญญาณเทรดที่ช่วยพูดว่าควรจะเข้าออเดอร์เมื่อใด หรือบอทเทรด (EA) ที่สามารถช่วยบริหารคำบัญชาซื้อขายให้เป็นระบบโดยไม่ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา สิ่งพวกนี้ช่วยลดภาระหน้าที่ในการวิเคราะห์และเพิ่มความแม่นยำในการวางแผนการลงทุน

นอกจากนั้น เครื่องมือพวกนี้ยังช่วยทำให้ การบริหารความอาเสี่ยงมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่า Stop Loss หรือ Take Profit อัตโนมัติ เพื่อลดโอกาสขาดทุนหนัก หรือหากแม้แต่การใช้เครื่องมือคำนวณขนาดล็อตเทรด (Position Sizing) เพื่อให้สามารถควบคุมความเสี่ยงได้ดีมากยิ่งกว่าเดิม นักเทรดที่มีวินัยในการใช้เครื่องมือพวกนี้ชอบอยู่รอดในตลาดได้ยาวนานกว่าผู้ที่เทรดแบบไม่มีแบบแผน ซึ่งจะมีผลให้พอร์ตของพวกเรานั้นเติบโตได้ในทุกจังหวะของตลาดแบบไม่พลาดเทรนสำคัญ
#6
หากคุณเคยมีความคิดว่า การใช้ EA เทรดอัตโนมัติคือการปล่อยให้บอทจัดการทุกอย่างจนกระทั่งควบคุมอะไรไม่ได้ ถึงเวลาที่ต้องทำความรู้จักกับ ea semi auto หรือ ระบบเทรดครึ่งอัตโนมัติ ที่ให้ความสมดุลระหว่าง ความฉลาดหลักแหลมของซอฟต์แวร์กับการตัดสินใจของเทรดเดอร์ ซึ่ง EA ประเภทนี้ไม่ได้ทำงานเอง 100% แบบ EA Auto Trade แต่จะช่วย วิเคราะห์ตลาด, ส่งสัญญาณเข้าออก และช่วยบริหารความเสี่ยง โดยที่คุณยังเป็นคนควบคุมออเดอร์เอง ได้แก่ หากระบบมองเห็นโอกาสที่ดีในการเข้าเทรด มันชัดเจนเตือนหรือเปิดออเดอร์ให้บางส่วน แล้วให้คุณเป็นคนตัดสินใจว่าจะปรับแต่ง Lot Size, ตั้ง Stop Loss หรือถือออเดอร์ไปจนถึงเป้าหมายหรือไม่

ข้อดีของการเทรดแบบผสมมือช่วยคือ คือลดภาระหน้าที่ในการเฝ้ากราฟ โดยที่คุณยังสามารถระบุแผนการเทรดได้เอง ไม่ต้องกลัวว่าบอทจะพาพอร์ตล้างเนื่องจากมันไม่ใช่ระบบที่เปิดออเดอร์แบบไม่มีการควบคุม เหมาะสำหรับคนที่ต้องการตัวช่วย แต่ไม่ต้องการปล่อยให้บอทเทรดแทนทั้งหมด ยิ่งถ้าหากคุณมีประสบการณ์เทรดอยู่แล้ว การเทรดลักษณะครึ่งหนึ่งใช้มือแบบนี้จะช่วยทำให้การเทรดเป็นระบบมากขึ้น ลดความผิดพลาดจากอารมณ์ และช่วยทำให้คุณมีเวลาดูตลาดน้อยลงแต่ยังทำเงินได้เหมือนเดิม เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ยืดหยุ่นและเฉลี่ยวฉลาดกว่าระบบอัตโนมัติทั่วๆไป เนื่องจากว่าให้คุณมีอำนาจตัดสินใจเองในทุกจังหวะ

ea semi auto คืออะไร? ต่างจาก ea semi auto อย่างไร?

ถ้าเกิดพูดถึง EA เทรดเดอร์หลายคนอาจนึกถึงบอทเทรดที่ทำงานแทนคนแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว EA ไม่ได้มีเพียงแค่แบบเดียว เพราะว่ายังมี ea semi auto หรือระบบเทรดครึ่งหนึ่งอัตโนมัติที่ให้คุณ ควบคุมการเทรดได้เองบางส่วน แตกต่างจาก EA Auto Trade ที่ปล่อยให้บอททำงานทุกอย่าง โดยการใช้วิธีนี้จะก่อให้พวกเราสามารถสแกนหาสัญญาณเข้าออก, แจ้งเตือนโอกาสเทรด หรือถึงแม้แต่เปิดออเดอร์บางส่วน ให้เทรดเดอร์เป็นคนตัดสินใจเองว่าจะจัดการกับออเดอร์นั้นอย่างไร เป็นต้นว่า จะปิดกำไรตอนไหน ปรับ Lot Size อย่างไร หรือจะเลื่อน Stop Loss ตามเทรนด์ดีไหม

ความแตกต่างสำคัญคือ การเทรดครึ่งหนึ่งอัตโนมัติยังให้คุณมีอำนาจควบคุมพอร์ตของตนอยู่ ไม่เหมือน EA Auto Trade ที่มักใช้ข้อตกลงที่ตั้งไว้ล่วงหน้าแบบแน่นอนและเทรดไปตามกลยุทธ์อัตโนมัติ ซึ่ง EA Auto จะเป็นการช่วยลดภาระหน้าที่การตัดสินใจและทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ข้อเสียคือถ้าหากตลาดเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อาทิเช่น ข่าวสารแรงๆหรือความแปรผันสูง EA อาจตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย

ในขณะที่รูปแบบ Semi Auto ให้ความยืดหยุ่นมากกว่า เทรดเดอร์ยังสามารถปรับเปลี่ยนแผนได้ตามสถานการณ์ แต่ก็ต้องมีส่วนร่วมในการติดตามตลาดอยู่บ้าง สรุปง่ายๆEA Auto Trade เหมาะกับคนที่ต้องการให้ระบบทำงานแทนทั้งหมด ส่วน Semi Auto เหมาะกับคนที่ต้องการตัวช่วย แต่ยังต้องการมีสิทธิ์ตัดสินใจเอง

ถ้าเกิดคุณต้องการเทรดแบบเป็นระบบ ลดข้อผิดพลาดจากอารมณ์ ซึ่งบอกได้เลยว่าการเทรดลักษณะนี้จะทรงอำนาจอย่างมากสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ และจะช่วยทำให้ได้กำไรได้อย่างไม่พลาดเป้า ด้วยเหตุว่าคุณจะสามารถแทรกแซงวิธีการแก้ไม้ไปจนถึงวิธีการออกออเดอร์ตามกลยุทธ์ได้แบบเรียลไทม์ โดยนักเทรดบางคนก็อาจมีการกลับวิธีการใช้ได้อย่างหลากหลายต่างกันไป อยู่ที่กลยุทธ์ไปจนถึงความยืดหยุ่นของเครื่องมือด้วยว่าจะมีการสนับสนุนกันหรือไม่



ea semi auto ดีจริงไหม? ข้อดี-ข้อเสียที่ต้องทราบก่อนใช้

ea semi auto นับว่าเป็นเครื่องมือเทรดที่หลายคนเริ่มให้ความสนใจ เนื่องจากว่ามันช่วยทำให้เทรดเดอร์มีตัวช่วยวิเคราะห์ตลาดโดยไม่ต้องปล่อยให้ระบบทำงานเองทั้งหมด แต่คำถามคือ มันดีจริงไหม และเหมาะกับใคร? ข้อดีแรกคือมันทำให้การเทรดมีระบบระเบียบมากขึ้น ระบบสามารถ ช่วยกรองสัญญาณ หาจุดเข้าออกที่แม่นยำ และแจ้งเตือนเทรดเดอร์ล่วงหน้า ลดความเสี่ยงจากการเทรดตามอารมณ์ ดังเช่น การรีบเข้าออเดอร์เนื่องจากกลัวพลาดโอกาส หรือถือออเดอร์นานเกินไปเนื่องจากว่าโลภ สิ่งนี้ช่วยทำให้เทรดเดอร์ตัดสินใจได้มีประสิทธิภาพขึ้น นอกเหนือจากนี้ยังเหมาะกับคนที่ไม่ต้องการเฝ้ากราฟทั้งวัน เพราะว่าระบบจะช่วยคัดเลือกกรองจังหวะสำคัญให้ เทรดเดอร์เพียงแค่รอพิจารณาและตัดสินใจเทรดเท่านั้น เรียกได้ว่าสะดวกสุดๆในการจับจังหวะที่มีความนัยสำคัญ

แต่ถึงอย่างนั้นการเทรดครึ่งหนึ่งอัตโนมัติก็ไม่ใช่เครื่องมือที่เหมาะกับทุกคน ข้อเสียหลักคือ มันยังต้องอาศัยการตัดสินใจของมนุษย์ ซึ่งหมายความว่าถึงระบบแจ่มแจ้งเตือน แต่สุดท้ายคุณยังต้องพิจารณาเองว่าจะเข้าเทรดหรือไม่ ถ้าหากคุณไม่มีพื้นฐานการเทรดมากพอ หรือไม่เข้าใจกลยุทธ์ที่ระบบใช้ คุณอาจเลือกตัดสินใจผิดพลาดและทำให้ขาดทุนได้ง่าย นับเป็นเรื่องที่อันตรายพอเหมาะสม เพราะว่าสุดท้ายแล้วรูปแบบของตลาดจะมีวิธีการเล่นเกมเพื่อจัดการในแต่ล่ะกลยุทธ์ของเทรดเดอร์เสมอ ทำให้การเฝ้าด้วยมนุษย์จะได้เทียบในข้อนี้

อีกจุดที่ต้องระวังคือ EA เทรดกึ่งมือ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทุกสถานการณ์ มันอาจช่วยทำให้การเทรดแม่นยำขึ้น แต่ไม่ได้การันตีว่าจะได้กำไรได้เสมอ ถ้าหากตั้งค่าระบบไม่ดี หรือใช้กับตลาดที่มีความผันแปรสูง ก็อาจเจอสภาวะ Drawdown ที่เอาจริงเอาจัง ด้วยเหตุดังกล่าว ก่อนใช้ EA เทรดครึ่งหนึ่งอัตโนมัติ ควรจะทดลองกับบัญชีเดบด ศึกษากลยุทธ์ให้ดี และเลือกเครื่องมือที่มีความน่าเชื่อมั่น เท่านี้คุณก็จะสามารถใช้ EA ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และช่วยทำให้การเทรดของคุณเกิดผลดีเพิ่มขึ้น