ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN

สำหรับใครที่มีความสนใจอยากจะหาซื้อรถเข็นผู้ป่วย ก่อนที่จะเริ่มต้นใช้งานเป็นครั้งแรกจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้สิ่งเหล่านี้ก่อนเสมอ เพื่อให้การใช้งานผ่านไปได้ราบรื่นมากที่สุด รับมือและใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะมีสิ่งไหน อย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามพร้อม ๆ กันได้เลย



ก่อนจะใช้งานรถเข็นผู้ป่วยครั้งแรก ต้องรู้สิ่งเหล่านี้

1. ศึกษาข้อควรระวัง เพื่อความปลอดภัย

เริ่มต้นเลยก็คือเรื่องของการศึกษาข้อควรระวังในการใช้งาน เพราะอย่างที่ทราบว่ารถเข็นหลายประเภทเป็นการใช้งานรูปแบบไฟฟ้าก็อาจจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่น ต้องกางล้อหลังกันหงายก่อนให้ผู้ป่วยขึ้นนั่ง หรือการล็อคล้อทุกครั้งที่หยุดใช้งาน หรือการหยุดรถเมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น หรือตกใจกะทันหัน หรือการเหยียบที่วางเท้าเวลาจะลุกออกจากรถ เป็นต้น เพื่อป้องกันไม่ให้รถเข็นรูปแบบไฟฟ้าไหล เคลื่อนที่เอง ผู้ป่วยอาจตกใจได้

2. ศึกษาการใช้งานอย่างละเอียด

อีกสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามคือการศึกษาการใช้งานอย่างละเอียด ที่ต้องรู้เรื่องวิธีการใช้งาน ข้อบังคับต่าง ๆ ซึ่งรถเข็นไฟฟ้าแต่ละยี่ห้อก็จะมีฟังก์ชันที่แตกต่างกันออกไป เช่น การปรับความเร็ว การใช้ที่ล็อคล้อ การดูสถานะแบตเตอรี่ การชาร์ตแบตเตอรี่ ฯลฯ นอกจากนี้ยังควรศึกษาการพับเก็บ – กางรถอย่างถูกวิธีด้วย

3. ทดสอบรถในสถานที่เคลื่อนที่ยาก

เพื่อให้การเคลื่อนที่ของรถผ่านไปได้อย่างดี และไม่เกิดอันตรายต่อผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็น ทางเลี้ยว ทางลาด หรือทางเดินที่ไม่เรียบ ฯลฯ ค่อย ๆ ให้ผู้ป่วยทดสอบ บังคับดู

4. ลองใช้งานให้คล่องก่อนใช้จริง

ควรช่วยผู้ป่วยฝึกฝนการใช้งานวีลแชร์แบบไฟฟ้านี้ให้เป็น ให้คล่องก่อน เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความเคยชินในการบังคับรถ ทั้งการเดินหน้า ถอยหลัง เลี้ยว หรือลด – เพิ่มความเร็ว และอย่างที่บอกคือการบังคับทางขึ้น ทางลง ทางลาด ฯลฯ เพื่อป้องกันความสับสนเมื่อใช้งานจริง

5. อย่าลืมดูการเดินทางของผู้ป่วย

หากผู้ป่วยต้องเดินทางบ่อย ๆ ไม่ว่าจะรถโดยสาร เครื่องบิน หรือรถยนต์ส่วนตัว ควรมีการศึกษาวิธีพับเก็บ กางวีลแชร์ไฟฟ้าให้ถูกต้อง เพราะแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อจะมีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป เพราะหากทำผิด ไม่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ง่าย ๆ นั่นเอง

นอกจากนี้ คุณยังควรต้องศึกษาการดูแลรถเข็นผู้ป่วย รวมถึงมีการทดสอบการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ด้วย เพื่อให้การใช้งานผ่านไปได้อย่างดีที่สุด ไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่บ่อย ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายยี่ห้อมากอยากให้ดูดี ๆ อาจจะศึกษาจากรีวิวผู้ที่เคยใช้งานมาก่อนก็ได้ ทำให้การซื้อสะดวกและตอบโจทย์ ผู้ป่วยสามารถใช้งานเคลื่อนที่เองอย่างสบายใจ แอบบอกว่าบางยี่ห้อซื้อผ่านออนไลน์ลดราคาไปอีก

เพื่อให้การวัดไข้กลายเป็นเรื่องง่าย พร้อมรับมือกับอาการของโรคได้อย่างเท่าทัน แน่นอนว่าการใช้งานปรอทวัดไข้ เครื่องช่วยวัดอุณหภูมิเป็นอีกสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ และหากคุณเป็นอีกคนที่กำลังมองหาเครื่องช่วยวัดแบบง่าย ๆ แนะนำเป็นยี่ห้อ BEURER FT65 นี้เลย นอกจากใช้งานง่าย ก็ยังมีราคาสมเหตุสมผลกับประสิทธิภาพไปอีก จะเป็นอย่างไรเผื่อใครอยากรู้เราไปติดตามพร้อมกันได้



คุณสมบัติปรอทวัดไข้ เครื่องช่วยวัดอุณหภูมิ BEURER FT65

สำหรับการใช้งานปรอทวัดไข้ดิจิตอลกลายเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนควรมีความสำคัญมากขึ้น และหนึ่งในยี่ห้อที่น่าสนใจไม่อาจมองข้ามยี่ห้อ BEURER FT65 ไปได้ โดยเครื่องนี้สามารถติดตามอุณหภูมิร่างกายของทุก ๆ คนได้ต่อเนื่องโดยเฉพาะยามเจ็บป่วยไม่สบาย เป็นไข้ ตัวร้อน เครื่องเดียวแต่วัดได้ทั้งอุณหภูมิร่างกาย หรืออุณหภูมิวัตถุของต่าง ๆ ใช้งานง่ายสุด ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา หยิบจับสะดวก ถนัดมือ มีการแสดงผลที่หน้าจอรวดเร็ว ชัดเจน มีระบบลดการสะท้อนของหน้าจออย่าง BLACKLIGHT ด้วยเหมาะกับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายแบบเบื้องต้น

- ไฟ LED  สีแดง ที่มีสัญญาณแจ้งเตือนเมื่ออุณหภูมิในร่างกาย 38 องศาเซลเซียส
- สามารถปรับโหมดได้ทั้งการวัดอุณหภูมิร่างกายที่ผ่านทางหน้าผาก หรือหู รวมถึงวัดอุณหภูมิวัตถุ ของเหลวได้หมด
- หน้าจอมีการแสดงผลเป็นหน่วยองศาเซลเซียส และองศาฟาเรนไฮต์
- มีฝาครอบที่สามารถวัดได้ทางหน้าผาก และถอดออกเพื่อวัดทางหูได้ด้วย
- ฟังก์ชันหน่วยความจำเป็นค่าที่บันทึกได้ 10 ค่า มีวันที่ และเวลาให้ด้วย

ข้อควรระวังที่ต้องรู้ในการใช้งาน BEURER FT65

เครื่องวัดอุณหภูมิ BEURER FT65 นั้นมีข้อควรระวังที่ต้องรู้ไว้ก่อนเลยก็คือหากไม่มีการใช้งานเป็นเวลานานต้องถอดแบตเตอรี่ออกด้วย ห้ามใช้สารเคมีที่ออกฤทธิ์เป็นกรด ด่าง ต้องเก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง เลี่ยงการนำอุปกรณ์ไปเก็บไว้ในที่ที่มีแสงแดดจ้า หรือที่ที่มีสนามไฟฟ้า ห้ามใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน จัดเก็บในพื้นที่แห้ง ร้อนจัด ไม่มีความชื้น ระมัดระวังในการกระแทกรุนแรง อาจทำให้เกิดความเสียหายของสินค้าเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ ห้ามมีการดัดแปลง แก้ไขสินค้า หรือนำไปใช้งานแบบผิดประเภท ซึ่งยี่ห้อนี้จะมีราคาอยู่ที่ 2,650 บาท แต่หากสั่งซื้อผ่านออนไลน์ลดเหลือ 1,950 บาทเท่านั้น

โดยวิธีการใช้งานไม่ยากเพราะสามารถนำไปเปิดเครื่องแล้ววัดได้เลย จะอุณหภูมิร่างกาย วัตถุต่าง ๆ หรือห้องที่อยู่ ณ ช่วงเวลานั้น ๆ ก็ได้ทั้งสิ้น ซึ่งให้กดปุ่มเปิด / ปิดเป็นการเริ่มต้นใช้งาน เครื่องส่งเสียงปี๊บ 2 ครั้ง ก็พร้อมใช้งานได้เลยทันที ทั้งนี้ แนะนำให้อ่านฉลากรวมถึงเอกสารการกำกับแพทย์ก่อนใช้งาน และไม่ควรวัดอุณหภูมิร่างกายช่วง 30 นาที หลังจากอาบน้ำ ออกกำลังกาย หรือกินอาหาร

วันนี้เราขออาสาพาทุก ๆ คนไปทำความรู้จักกับเครื่องผลิตออกซิเจนที่หลายคนอาจจะมีความสับสนลังเลกับถังออกซิเจน ให้รู้อย่างละเอียดเลยกับความแตกต่างที่มี ช่วยให้การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ใช้งานผ่านไปได้ราบรื่นดีมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งจะเป็นอย่างไร อย่ารอช้าไปศึกษากันเลยดีกว่า



สิ่งที่บอกถึงความต่างของเครื่องผลิตออกซิเจน VS ถังออกซิเจน

1. ทำความรู้จักถึงความต่างที่มี

เริ่มต้นคือควรรู้จักความแตกต่างที่มีก่อน โดยที่เครื่องผลิตจะเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ออกแบบมาเพื่อผลิตออกซิเจนที่มีความเข้มข้นสูง ทำให้ออกซิเจนมีการบำบัดได้ดี และส่วนใหญ่ก็จะใช้กับเครื่องช่วยหายใจ ไม่ว่าจะเป็น BiPAP หรือ CPAP ที่เป็นคำแนะนำของแพทย์ มีทั้งเครื่องผลิตออกซิเจน 5 ลิตร 10 ลิตร หรืออื่น ๆ ส่วนถังออกซิเจนจะไม่มีความสามารถในการผลิตออกซิเจนได้เอง จะเป็นถังเหล็กที่มีก๊าซอยู่ด้านในแล้ว ทั้งมีหลายขนาดให้ได้เลือกด้วย

2. จุดประสงค์ในการนำไปใช้งาน

สำหรับจุดประสงค์ในการใช้งานจริง ๆ ทั้งเครื่องและถังก็จะไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ ซึ่งทั้ง 2 อย่างก็จะใช้เพื่อเป็นการบำบัดออกซิเจนเพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่เหมาะสม และเพียงพอต่อร่างกาย

3. จุดเด่น – จุดด้อย ที่พบเจอได้

ในส่วนของจุดเด่นที่มีของเครื่องช่วยผลิตออกซิเจนไม่ว่าจะขนาดเครื่องผลิตออกซิเจน 10 ลิตร 5 ลิตร หรือมากกว่า จะใช้งานง่ายกว่าถัง สะดวกสบาย ประหยัดเวลาใช้งานเพราะไม่ต้องเติมออกซิเจนบ่อย ๆ ทั้งในระยะยาวหากต้องใช้งานก็ประหยัดค่าใช้จ่ายไปอีก กระนั้นจุดด้อยก็จะใช้ได้แค่บริเวณที่มีไฟฟ้าเท่านั้น ไม่สามารถใช้ขณะเดินทางนอกจากจะเป็นรูปแบบพกพาที่มีแบตเตอรี่สำรอง

ส่วนถังออกซิเจนนั้นจุดเด่นคือให้ความเข้มข้นของออกซิเจนที่สูงกว่า ใช้งานบนรถยนต์ได้ เคลื่อนย้ายสะดวก แต่ก็มีจุดด้อยคือเมื่อจะใช้ระยะยาวค่าใช้จ่ายก็จะสูง และสิ้นเปลืองเวลาเพราะค่อยคอยเติมออกซิเจนอยู่บ่อย ๆ บางครั้งเร่งรีบก็อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการใช้งานได้

จะเห็นได้เลยว่าเครื่องผลิตออกซิเจน VS ถังออกซิเจนมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าหากจะต้องเลือกจริง ๆ แบบเครื่องก็จะมีความสะดวกสบาย และน่าใช้งาน ยิ่งปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อมากขึ้นด้วยก็อยากให้พิจารณาดูดี ๆ ก่อนไม่ว่าจะยี่ห้อไหนก็ตาม ทั้งนี้ ควรเปรียบเทียบแต่ละยี่ห้อให้ดีเอาที่ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด นอกจากฟังก์ชัน วิธีใช้ ก็ยังหมายถึงเรื่องของราคาที่ควรเหมาะสมกระเป๋าตัวเอง ขอให้ทุกการใช้งานตรงตามต้องการผ่านไปได้ราบรื่น

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาเตียงเด็กอยู่แต่ก็ยังไม่รู้ ไม่มั่นใจว่าจะเลือกยี่ห้อไหนดี เราขอแนะนำให้ได้รู้จักกับ ยี่ห้อ PROMA B38 สีน้ำตาล ขนาด 3.5 ฟุต ที่มีประสิทธิภาพสูง ของดีที่ห้ามพลาดกันเลยเชียว กระนั้นเผื่อใครอยากได้รายละเอียดข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เรามีมาบอกต่ออย่างหมดเปลือก!



เตียงเด็กยี่ห้อ PROMA B38 สีน้ำตาล ประสิทธิภาพสูง

เตียงของเด็กยี่ห้อไหนก็คงไม่ปังสุดเท่ายี่ห้อ PROMA B38 สีน้ำตาล ขนาด 3.5 ฟุตนี้แล้วโดยที่มีการออกแบบที่เข้ากับความชอบของเด็ก ๆ ที่เตียงจะเป็นลักษณะรูปหมีที่ได้ไม้ MDF มีการใช้ฟองน้ำและหุ้มด้วยหนังแบบสังเคราะห์ที่หัวเตียง ป้องกันไม่ให้หัวเกิดการกระแทก ใต้เตียงก็ยังมีลิ้นชักที่เก็บสิ่งของต่าง ๆ ได้ ทั้งเสื้อผ้า ของเล่น ที่ทำให้ทุกการนอนของเด็ก ๆ กลายเป็นความฝันที่ก่อสร้างเป็นความจริง เพลิดเพลินไปกับการนอนหลับ และจินตนาการที่คาดไม่ถึง

- โครงสร้างใช้ไม้ MDF ที่มีความแข็งแรง คุณภาพดี รองรับน้ำหนักได้ประสิทธิภาพสูง
- ขาเตียงมีการออกแบบคล้ายขาหมีโทนสีนน้ำตาล ที่มีลิ้นชักอยู่ข้างเตียง ที่เก็บของเล่น เสื้อผ้า หรือของต่าง ๆ ได้อย่างดี
- ลิ้นชักมีล้อสำหรับเลื่อนเข้าออกเพื่อเปิด – ปิดได้อย่างสะดวกสบาย
- การออกแบบหัวเตียงเป็นรูปหมีสีขาว / น้ำตาล มีการใช้ฟองน้ำบุและใช้หนังสังเคราะห์หุ้มด้วย ป้องกันหัวกระแทกได้อย่างดี
- สินค้าเฉพาะเตียงนอน ที่ไม่รวมกับที่นอนเด็ก และของตกแต่ง
- ขนาดเตียงจะเป็นขนาด 3.5 ฟุตที่เหมาะกับเด็ก ๆ นอนคนเดียวเท่านั้น
- ฐานเตียงจะโล่งมาก สามารถดูดฝุ่น และทำความสะอาดใต้เตียงง่ายมาก

ข้อควรระวังในการใช้งาน PROMA B38 ที่ต้องรู้เอาไว้

แม้ปัจจุบันจะมีเตียง 2 ชั้นที่พัฒนาให้น่านอนเหมาะกับห้องที่มีเด็กหลายคน แต่การันตีว่ายี่ห้อ PROMA B38 จะเป็นเตียงเพียงชั้นเดียวที่ได้ประสิทธิภาพมาก ๆ กระนั้นควรระวังในการใช้งานอยู่ด้วยเพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานมากขึ้น

- ห้ามมีการดัดแปลงแก้ไข หรือใช้งานสินค้าผิดประเภท
- ไม่ควรเอาไปวางที่ที่มีความชื้นสูง แสงแดดแรง ใต้แอร์ ใต้ห้องน้ำ
- ไม่ควรเอาวัสดุที่มีลักษณะเป็นของหยาบ แข็ง หรือน้ำยา ผ้าเปียก สารเคมีมาเช็ดทำความสะอาดเตียงเด็ดขาด
- เมื่อต้องการเคลื่อน หรือขนย้ายสินค้าห้ามลาก หรือผลักเด็ดขาด
- ห้ามกระแทก หรือกระโดดบนเตียงเพราะอาจทำให้เกิดการเสียหายได้

สำหรับเตียงเด็กยี่ห้อ PROMA B38 สีน้ำตาลจะมีราคาอยู่ที่ 32,900 บาท แต่หากสั่งซื้อผ่านออนไลน์ลดเหลือ 26,900  บาทเท่านั้น โดยมีบริการจัดส่งตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับคุณสมบัติที่ที่มี หวังว่าจะหลับเต็มตื่นนะเด็ก ๆ

ปัจจุบันการใช้งานผ้าอ้อมของผู้ใหญ่มีหลากหลายมาก ทั้งแบบเทปและสะดวกมากขึ้นคือแบบกางเกง และวันนี้เผื่อใครกำลังมองหามาเพื่อผู้ป่วย หรือผู้สูงอายุใช้งาน เรามีผ้าอ้อมผู้ใหญ่แบบกางเกง 4 ยี่ห้อ มาแนะนำ ช่วยให้การตัดสินใจซื้ออย่างมั่นใจ แต่จะมียี่ห้อไหน อย่างไรบ้าง ไปดูกันดีกว่า



4 ยี่ห้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่แบบกางเกง เพื่อการใช้งานที่มั่นใจ

1. ยี่ห้อ MEDICOS

เริ่มต้นกับยี่ห้อ MEDICOS ที่เป็นผ้าอ้อม หรือแพมเพิสของผู้ใหญ่ สามารถซึมซับนานด้วยนวัตกรรมแบบเจลดูดซับ SAP ซึมซับได้อย่างดีมากขึ้น ซึมซับได้ไว ไม่เปียกชื้น มีการรองรับได้มาก 800 ซีซี และตัวกางเกงก็ยังใช้วัสดุที่คล้ายผ้า มีความกระชับ นุ่มสบาย ยางยืดกระชับรอบตัว ทุกการเคลื่อนไหวไม่หลุดเลื่อน ราคา 1,676 บาท สั่งซื้อผ่านออนไลน์ลดเหลือ 1,390 บาท

2. ยี่ห้อ ANAN SUPER SLIM

ต่อมาก็คือแพมเพิสผู้ใหญ่ยี่ห้อ ANAN SUPER SLIM ที่มีความซึมซับที่รวดเร็ว ไม่เปียกชื้น รองรับได้ 500 ซีซี มีแถบแสดงความเปียกชื้นอย่างดี ด้วยการใช้งานแผ่นเยื่อโพลีเมอร์ ที่ดูดซับได้อย่างดี ลดการสะสมของแบคทีเรีย สะสม ทำให้การใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ด้านนอกออกแบบมาเป็นของเหลวผ่านไปได้รวดเร็ว ป้องกันไม่ให้เกิดการไหลย้อนกลับ ราคา 2,490 บาท ซื้อผ่านออนไลน์ลดเหลือ  1,250 บาท

3. ยี่ห้อ DR.KLEAN

ต่อมาคือยี่ห้อ DR.KLEAN ที่มีความสามารถในการซึมซับได้ 7 ชม. ด้วยนวัตกรรมเจลดูดซับ SAP ชั้นเลิศ ไม่ทำให้เปียกชื้น ซึมซับได้ไว รองรับได้มากกว่า 600 ซีซี / มิลลิลิตร ที่มีแถบวัดแสดงความเปียกชื้นให้ด้วย ยางยืดมีความกระชับรอบตัว ป้องกันน้ำได้ด้วยรูปทรงพิเศษ ป้องกันไม่ให้ซึมด้านข้าง ราคา 1,990 บาท หากซื้อผ่านออนไลน์ลดเหลือ 1,388 บาทเท่านั้น

4. ยี่ห้อ Feelfree

เป็นอีกยี่ห้อที่ไม่ควรพลาดกับแพมเพิสของผู้ใหญ่ Feelfree ที่มีนวัตกรรมแผ่นโพลิเมอร์ ที่ดูดซับได้ดี เก็บกลิ่นและซึมซับได้ ชนิดที่มากถึง 800 ซีซีเลยเชียว ซึมซับไว ไม่เปียกชื้นให้รำคาญ แห้งสบายหายห่วง ทั้งยางยืดมีความกระชับรอบตัว รอบขา ลดการอับชื้น ไม่ซึมออกด้านข้าง โดยแพมเพิสผู้ใหญ่ ราคา 3,290 บาท ซื้อผ่านออนไลน์ลดเหลือ 1,650 บาท (เป็นราคาไซซ์ XL 10 ชิ้น x 6 แพ็ค)

และทั้งหมดนี้ก็เป็นผ้าอ้อมผู้ใหญ่แบบกางเกงทั้ง 4 ยี่ห้อที่น่าสนใจ ด้วยขนาด ราคา และคุณสมบัติแต่ละยี่ห้อก็จะแตกต่างกันออกไป แนะนำว่าให้เลือกตามความเหมาะสมของผู้ใช้งาน และที่สำคัญคือไซซ์ที่ใส่เพื่อให้ไม่เกิดการรั่วซึม หรือคับเกินไปก็จะอึดอัด หลวมเกินไปก็จะหลุดได้ง่าย เลอะเทอะ สกปรกต้องทำความสะอาดกันอีก ปัจจุบันมีการสั่งซื้อผ่านออนไลน์ได้ ยิ่งน่าสนใจกว่าเดิมเพราะมีการลดราคาให้ด้วยนั่นเอง

เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วจะสามารถวัดออกซิเจนได้และสามารถบอกค่าภายในร่างกายอย่างดี รับมือกับการเกิดโรคได้ กระนั้นบางคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแต่ยังไม่รู้ถึงวิธีการใช้งาน วันนี้เรามีวิธีแสนง่ายมาแนะนำ พร้อมเพิ่มเติมทดสอบประสิทธิภาพปอดด้วยเครื่องที่ว่านี้ ซึ่งจะมีรายละเอียดเป็นอย่างไร ไปติดตามกันได้



วิธีการใช้งานที่ถูกต้องของเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว

ที่วัดออกซิเจนปลายนิ้วจะสามารถตรวจวัดได้โดยการปล่อยคลื่นแสงจากด้านบนที่อยู่ใกล้ ๆ เล็บ โดยที่ผ่านนิ้วลงมาที่ตัวรับแสงอีกด้านของปลายนิ้วของวัด เป็นการวัดเฮโมโกลบินที่อยู่กับระดับออกซิเจนในเลือด แล้วก็จะคำนวณหาค่าความเข้มข้นของออกซิเจนภายในเลือด ที่จะเป็นค่าเปอร์เซ็นต์ที่แสดงผ่านหน้าจอดิจิทัลของเครื่อง หากวัดออกมาหากปกติก็จะได้ 95% ขึ้นไป ถ้าได้ 90 – 94% ก็จะต้องระมัดระวังอาการผิดปกติ และหากน้อยกว่า 90% คือภาวะออกซิเจนเลือดต่ำแล้วให้รีบพบแพทย์ทันที โดยในส่วนการใช้งานนั้นจริง ๆ ไม่ยาก คือ

- ใส่นิ้วเข้าไปในตัวเครื่องจนสุดแล้วก็หนีบนิ้วกับตัวเครื่องได้เลย แล้วกดปุ่มเปิดเครื่อง
- จากนั้นให้หายใจลึก ๆ เพื่อผ่อนคลาย
- เครื่องก็จะเริ่มต้นวัดค่าจากปลายนิ้วของเราแล้วแสดงผลที่หน้าจออัตโนมัติ
- โดยค่าตัวบนจะหมายถึงระดับออกซิเจนที่มีภายในเลือด มีหน่วยเป็น % และตัวล่างหมายถึงอัตราการเต้นของหัวใจ / นาที

ทดสอบประสิทธิภาพปอดด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องยาก

ในการทดสอบประสิทธิภาพของปอดคนเราที่เหมาะสมนั้นจริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรโดยการทดสอบนั้นให้คุณเลือกออกกำลังกายเป็นเวลา 3 นาที โดยท่าที่แนะนำออกกำลังกายควรเป็นท่าปั่นจักรยานที่ให้ปั่นไป 3 นาที และเมื่อครบ 3 นาทีแล้วก็ให้ทำการวัดระดับออกซิเจนในเลือดไปด้วย โดยใช้เครื่องวัดออกซิเจนทำการวัดด้วยวิธีการที่เราแนะนำไปอีกครั้ง ค่าที่จะได้รับนั้นควรเท่าเดิมกับตอนแรกก็มากกว่าเดิม

อย่างที่บอกคือค่าออกซิเจนที่ได้ไม่ควรต่ำกว่า 96 – 100% แต่หากมีการวัดแล้วได้ค่าที่ลดลงมามากกว่า 3% ให้รีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของความผิดปกติ และแนวทางการรักษาต่อไปได้อย่างทันท่วงที

ปัจจุบันเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วมีให้เลือกซื้อใช้งานเองหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายราคา ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป แนะนำว่าให้คุณเลือกยี่ห้อและราคาที่เหมาะสมกับตัวเอง และหวังว่าหลังจากซื้อมาใช้งานแล้วจะสามารถใช้ด้วยวิธีที่เหมาะสมถูกต้อง และมีการทดสอบปอดอย่างได้ประสิทธิภาพ ขอให้ทุกการใช้งานราบรื่น รับมือกับความผิดปกติได้ เพราะหากรู้เร็วพบแพทย์เร็วโอกาสที่จะเพิ่มความรุนแรงของอาการโรค หรือรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตก็จะลดน้อยลงตามไปด้วยนั่นเอง

ปัญหาของผู้ป่วยติดเตียงเมื่อนอนบนที่นอนธรรมดามีโอกาสที่จะเกิดแผลกดทับได้ง่ายมาก กระนั้นตัวช่วยชั้นดีที่จะมาลดโอกาสเกิดอาการที่ว่าคงหนีไม่พ้นนวัตกรรมใหม่อย่าง "ที่นอนลม" แต่บางคนอาจจะยังไม่มั่นใจในการเลือกซื้อ วันนี้เราจึงไม่รอช้าที่จะมาแนะนำให้ได้รู้จักกับอีกยี่ห้อที่น่าสนใจอย่าง FASICARE FB-411 พร้อมมอเตอร์ การันตีแม้มือใหม่เพิ่งเคยใช้ก็สบายใจหายห่วงเพราะใช้งานง่าย



คุณสมบัติที่มีของที่นอนลม FASICARE FB-411 พร้อมมอเตอร์

สำหรับที่นอนลมกันแผลกดทับยี่ห้อ FASICARE FB-411 พร้อมมอเตอร์ มีความน่าสนใจมากโดยเฉพาะเรื่องของคุณสมบัติที่มีความสามารถช่วยกระจายแรงกดทับทั่วร่างกาย เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจสร้างแผลกดทับได้ง่าย โดยที่มีความหนา 0.34 มม. เนื้อหนาเหนียว ทนทานต่อการใช้งานและไม่ทำให้เกิดการฉีกขาดง่าย ลดร่างกายเสียดสีกับผิว มี 18 ลอน ที่ใช้ระบบ A / B Alternating สลับยุบพองของลอนมีต่อเนื่อง ในระบบ CPR ปล่อยลมออกเร็วหากเกิดเหตุฉุกเฉิน พร้อมระบบช่วยระบายอากาศ ลดความชื้นอย่างระบบ Low Air Loss Holes ทำให้การนอนสบายตัวมากขึ้น จัดเก็บง่ายด้วยเพราะใช้การเป่าลม

- มีรูพ่นอากาศจิ๋วตรงลอนที่นนอน ระบายอากาศ ความอับชื้น
- มีระบบ CPR ที่ปล่อยลมออกได้เร็วในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน
- สลับวงจรลมได้อัตโนมัติ 12 นาที ลดและกระจายแรงกดทับทั่วร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
- มีระบบการทำงานสลับยุบ พองต่อเนื่องของลอน รูปแบบ A/B Alternating เสียงรบกวนแทบไม่มีเลย
-  มีระบบทดสอบความปลอดภัยให้เราอุ่นใจในการใช้งาน อย่าง SGS
- วัสดุ PVC medical grade ที่หนา 0.34 มม. และสามารถรับน้ำหนัดได้สูงสุดถึง 145 กก.
- มีปั๊มลมมอเตอร์ที่ทำงานต่อเนื่อง 24 ชม. ปรับความแรงได้ 10 ระดับ

สิ่งที่จะได้รับภายในกล่อง FASICARE FB-411 พร้อมมอเตอร์

ในการซื้อเตียงลม FASICARE FB-411 พร้อมมอเตอร์ จะมีราคาที่ 7,450 บาท แต่หากสั่งซื้อผ่านออนไลน์ลดเหลือ 6,230 บาท และภายในกล่องก็จะมีอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ รวมอยู่ ไม่ว่าจะเป็น

- ลอนอะไหล่ 1 ลอน
- ฟิวส์ 2 อัน
- ที่นอน 18 ลอน มี 1 ผืน
- มีผ้าคลุมแบบกระดุมด้วยวัสดุ PU medical grade 1 ผืน
- ใบรับประกัน และคู่มือการใช้งาน

อย่างไรก็ตาม ที่นอนลม FASICARE FB-411 พร้อมมอเตอร์ยังมีข้อควรระวังที่ต้องรู้ไม่ว่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงของมีคม ที่อาจเกิดความเสียหายต่อสินค้า ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออกทันทีเมื่อมีการใช้งานเสร็จ ห้ามใช้ขณะที่ตัวเปียกหรืออาบน้ำ ไม่ควรใช้กลางแจ้ง หรือที่ที่มีละอองสเปรย์ ที่สำคัญจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเมื่อใช้งานเพื่อความปลอดภัย

ปัจจุบันแต่ละบ้านควรมีเครื่องวัดความดันเอาไว้ใช้งานเพื่อดูสุขภาพร่างกายรับมือเท่าทันโรค กระนั้นหากใครยังไม่รู้จะเลือกซื้อยี่ห้อไหน เรามีมาแนะนำกับ BEURER BM40 การันตีคุณภาพเจ๋ง และยังราคาตอบโจทย์ด้วย ซึ่งจะมีรายละเอียดเป็นอย่างไรเราไปติดตามกันเลยดีกว่า เพื่อการตัดสินใจซื้อที่มั่นใจ



คุณสมบัติที่น่าสนใจของเครื่องวัดความดัน BEURER BM40

สำหรับที่วัดความดัน BEURER BM40 เป็นอีกยี่ห้อที่ไม่ควรพลาดใช้งาน โดยที่มีส่วนช่วยวัดความดันของคุณหรือคนที่รักแบบง่าย ๆ ประมวลผลรวดเร็ว มีระบบปั๊มลม Oscillometric และแสดงค่าเฉลี่ยผลลัพธ์ผ่านหน้าจอ LED ไปอีก วัดเป็นตัวเลขอ่านค่าง่ายมาก บันทึกค่าดังกล่าวในเครื่องมากถึง 60 ค่าต่อคน พร้อมฟังก์ชันพิเศษที่บันทึกค่าได้ในเครื่องมากถึง 60 ค่าต่อคน ฟังก์ชันตรวจสอบความผิดปกติของอัตราการเต้นหัวใจอีก แถบสีระดับความดันที่คุณรับรู้อาการเบื้องต้นได้ จะใช้ระหว่างเดินทางหรือบ้านก็ไม่มีปัญหา

- สะดวกต่อการใช้งานวัดความดัน จะเดินทาง หรืออยู่บ้านก็ได้หมด
- วัดค่าความดันได้ และวัดค่าชีพจรการเต้นของหัวใจได้ด้วยเส้นรอบวง 22 – 35 ซม.
- มีระบบควบคุมลมได้ง่าย ลดการบาดเจ็บของแขน อย่างระบบ Oscillometric
- หน้าจอ LED ที่จะแสดงผลเป็นตัวเลข ทำให้อ่านข้อมูลง่ายมากขึ้น บันทึกค่าผู้ใช้งานได้ 2 ท่าน คือ 60 ค่าต่อท่าน
- หากไม่มีการใช้งานเครื่องแล้วก็จะปิดภายใน 3 นาทีแบบอัตโนมัติ
- สามารถตรวจจับค่าอัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติได้ มีระบบเตือนหากเกิดปัญหาแบตเตอรี่หมด
- มีการแสดงระดับความดันที่วัดได้ด้วยแถบสีตามแนวทางมาตรฐานของ WHO

วิธีการใช้งาน คำแนะนำ และข้อควรระวังที่มี

ในส่วนของการใช้งานเครื่องวัดความดันโลหิต BEURER BM40 มีวิธีการใช้งานที่แสนง่ายแค่คุณนำสายมารัดที่แขนแล้วกด START เพื่อให้เครื่องวัดค่า เสร็จแล้วก็อ่านผลลัพธ์ที่จะแสดงทางหน้าจอได้ทันที ทั้งนี้แนะนำว่าให้ศึกษาข้อมูลการใช้งานอย่างละเอียดก่อน ไม่ควรรัดสายแน่นจนเกินไปเพราะจะทำให้ค่าที่วัดผิดเพี้ยนไปได้ และยังมีข้อควรระวังคือห้ามมีการดัดแปลง แก้ไขสินค้า หรือใช้งานแบบผิดประเภท จัดเก็บในพื้นที่แห้งและพ้นมือเด็ก ห้ามจัดเก็บในพื้นที่ที่มีเปลวไฟ หรือมีความร้อนเข้าถึง ที่สำคัญการทำความสะอาดไม่ควรใช้สารเคมีที่ออกฤทธิ์เป็นด่างหรือกรดเด็ดขาด

เครื่องวัดความดัน BEURER BM40 ถือว่าเป็นอีกไอเท็มที่ค่อนข้างน่าสนใจมาก ๆ ด้วยคุณสมบัติ การใช้งาน ทั้งยังมีข้อควรระวังที่ต้องรู้เพื่อการใช้งานที่ตอบโจทย์ ซึ่งเครื่องนี้ราคาอยู่ที่ 2,950 บาท แต่หากซื้อผ่านออนไลน์ลดเหลือ 2,350 บาทเท่านั้น

สำหรับใครที่กำลังมองหาอาหารเสริมช่วยบำรุงหัวใจอย่าเพิ่งรีบซื้อหากยังไม่รู้ถึงสารสำคัญต่าง ๆ ที่ควรมี ซึ่งผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มีหลากหลายยี่ห้อก็จริงแต่การศึกษาสารสำคัญเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การเลือกซื้อผ่านไปได้ราบรื่นดีมีประสิทธิภาพมากที่สุด



สารสำคัญที่ควรมีในอาหารเสริมเพื่อสุขภาพบำรุงหัวใจ

หัวใจถือเป็นอีกอวัยวะที่เราควรค่าต่อการให้ความสำคัญในการดูแลบำรุงรักษาอย่างดี เพราะโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจมีหลากหลาย และมักจะไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อน เป็นภัยแฝงที่มีในร่างกาย เมื่อเกิดปัญหาก็มักจะรุนแรงฉับพลันไม่ทันตั้งแต่ กระนั้นสิ่งที่จะช่วยได้คือการใช้ผลิตภัณฑ์รูปแบบอาหารเสริมช่วยบำรุงระบบการทำงาน และลดความเสี่ยงเกิดภัยร้ายกับตัวเองแต่เนิ่น ๆ ถามว่าควรมีสารสำคัญอะไรบ้าง?

1. สารอัลลิซิน

ที่จะเป็นสารช่วยลดไขมันเลวในเลือด และช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ที่ทั้งสองถือเป็นศัตรูฉกาจที่ทำร้ายหัวใจ ที่จะช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดเข้าไปได้อย่างดี โดยที่สารอัลลิซินก็จะมีอยู่ในกระเทียม พร้อมช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรงแน่นอน

2. สาร EGCG

ที่เป็นอีกสารอาหารสำคัญเช่นกันกับ EGCG ที่มีส่วนช่วยเผาผลาญไขมันเสีย ที่ยังลดการเกิดโรคหัวใจที่บางคนอาจมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วย รวมถึงยังลดปัยหาหลอดเลือดตีบได้ดี โดยสารประเภทนี้มีโอกาสพบได้ในชาเขียว ดังนั้น หากจะซื้ออาหารเสริมเพื่อสุขภาพช่วยบำรุงโรคหัวใจอาจจะมองหาสารนี้ หรือส่วนผสมของชาเขียว

3. สารโคเอนไซม์คิว 10

ต่อมาเป็นสารเอนไซม์คิว 10 ที่มีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมสภาพของร่างกายให้เสมอ ๆ โดยที่ต่อต้านความแก่ให้เราได้ดี นอกจากนี้ ก็ยังมีส่วนช่วยผู้ป่วยโรคหัวใจที่ดีขึ้นทั้งยังมีโอกาสลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนได้ดี ทำให้กล้ามเนื้อของหัวใจกลับมาทำงานได้อย่างปกติ และดีมากกว่าเดิมเมื่อกินผลิตภัณฑ์เป็นประจำ

4. สารวิตามินอี

มีส่วนช่วยป้องกันการอุดตันของเส้นเลือดที่จะไปหล่อเลี้ยงหัวใจได้อย่างดี สามารถป้องกันส่วนที่ไปอุดตันในเส้นรเลือดให้หล่อเลี้ยงไปที่หัวใจได้ตามปกติ พร้อมป้องกันการเกาะตัวที่มีของเกล็ดเลือดได้ ทำให้เลือดไหลเวียนสูบฉีดหัวใจเต็มที่ ส่งผลต่อการบำรุงรักษาระบบการทำงานโรคหัวใจ จัดเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ซึ่งวิตามินอีที่พบในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพบได้ เช่น พืชตระกูลถั่ว ผัก ผลไม้ ไข่ เป็นต้น

และทั้งหมดนี้ก็เป็นสารสำคัญที่เหมาะสมกับการมีอยู่ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม โดยที่แต่ละชนิดล้วนแล้วแต่เสริมสร้างบำรุงรักษาหัวใจเราให้แข็งแรงอย่างดี พร้อมที่จะใช้ชีวิตต่อไปแบบลดความเสี่ยงเกิดโรคร้ายฉับพลัน ปัจจุบันมีหลากหลายควรศึกษารีวิว และคู่มือคำแนะนำผลิตภัณฑ์ก่อน เพื่อประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น

สายปาร์ตี้คนไหนกำลังมองหาร้านเหล้าบรรยากาศดีในอุบลราชธานีอยู่บ้าง? บอกเลยว่าที่นี่มีร้านเด็ดๆ ให้เช็คอินเพียบ! เตรียมชวนแก๊งเพื่อนมาดื่มด่ำบรรยากาศสุดชิลล์ ฟังเพลงเพราะๆ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ กันได้เลย รับรองว่าค่ำคืนนี้จะเป็นอีกหนึ่งคืนที่ประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอน

หลากหลายสไตล์ ตอบโจทย์ทุกสายปาร์ตี้

ไม่ว่าจะชอบร้านสไตล์ชิลล์ๆ ริมน้ำ สุดมันส์ไปกับดนตรีสด หรือนั่งชิลล์ในบรรยากาศสุดคูล อุบลฯ ก็มีร้านเหล้าตอบโจทย์ทุกความต้องการ จะสายชิลล์ สายแดนซ์ หรือสายนั่งคุย ก็เลือกร้านที่ใช่แล้วไปสนุกกันได้เลย!

ดนตรีสดสุดมันส์ ฟังเพลินตลอดคืน

หนึ่งไฮไลท์สำคัญของร้านเหล้าอุบลฯ คือดนตรีสดคุณภาพคับแก้ว ที่จะมาคอยขับกล่อมบรรยากาศให้คึกคักตลอดค่ำ ไม่ว่าจะเป็นสายร็อค สายป๊อป สายลูกทุ่ง หรืออินดี้ ก็มีวงดนตรีมาประจำการหลากหลายแนว ให้คุณได้โยกหัว ฟังเพลินกันตั้งแต่ต้นจนจบ

- แนวเพลงโดนใจทุกแนว: ไม่ว่าจะชอบซึ้งๆ กับเพลงช้า แดนซ์กระจายกับเพลงสนุกสนาน หรือโยกเบาๆ ไปกับเพลงสไตล์อคูสติก ร้านเหล้าในอุบลฯ มีดนตรีสดเอาใจคอเพลงทุกรูปแบบ รับรองว่าถูกใจสายไหนก็ต้องร้องตามกันอย่างแน่นอน
- วงดนตรีคุณภาพคับแก้ว: ไม่ใช่แค่เล่นเพราะเท่านั้น วงดนตรีที่ร้านเหล้าอุบลฯ นั้นล้วนผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี ฝีมือและประสบการณ์จัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นร้อง เล่น หรือประสานเสียงกัน เรียกได้ว่าฟังเพลินจนแทบไม่อยากให้ค่ำคืนนี้ผ่านไปเลย

เครื่องดื่มเย็นๆ จิบเพลินเกินห้ามใจ

เครื่องดื่มก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของร้านเหล้า และที่อุบลฯ นั้น บอกเลยว่าไม่น้อยหน้าใคร มีทั้งเบียร์หลากหลายยี่ห้อให้เลือกสรร เหล้าปั่นสูตรเด็ด ค็อกเทลสีสันสดใส รสชาติถูกใจคอเครื่องดื่มทุกประเภท

- เบียร์หลากหลายยี่ห้อ: สายเบียร์ต้องร้องว้าว เพราะร้านเหล้าอุบลฯ มีเบียร์ให้เลือกเยอะมาก ทั้งเบียร์สด เบียร์ขวด ทั้งแบบเบาๆ ไปจนถึงสายจิตรแรง จะสดชื่น ซาบซ่า หรือหนักแน่น ก็หาได้ตามชอบใจ
- เหล้าปั่นสูตรเด็ด: สายชอบเครื่องดื่มผสมต้องลอง! ร้านเหล้าอุบลฯ มีเหล้าปั่นสูตรพิเศษ รสชาติแปลกใหม่ น่าลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็นผลไม้สดผสมกับเหล้า โยเกิร์ตปั่นกับบรั่นดี รับรองว่าสดชื่น เพลินจนหยุดไม่อยู่
- ค็อกเทลสีสันสดใส: คอค็อกเทลไม่ต้องน้อยใจ เพราะที่ร้านเหล้าอุบลฯ มีบาร์เทนเดอร์ฝีมือดี คอยรังสรรค์ค็อกเทลหลากหลายสูตร สีสันสวยงาม น่าดื่ม ทั้งแบบคลาสสิกอย่าง Margarita, Mojito หรือสูตรพิเศษเฉพาะของร้าน ให้คุณได้ลิ้มลองความอร่อย พร้อมกับถ่ายรูปลงโซเชียลเก๋ๆ ไปอีก

เมนูกับแกล้มรสเด็ด กินคู่เครื่องดื่มยิ่งฟิน

ดื่มเพลินๆ ก็ต้องมีของกินอร่อยๆ มาเคียงข้าง และร้านเหล้าอุบลฯ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง มีเมนูกับแกล้มหลากหลายสไตล์ ทั้งอาหารอีสานแซ่บๆ ของทอดทานเพลิน ยำรสจัดจ้าน ให้คุณเลือกสั่งกันตามใจชอบ

- อาหารอีสานแซ่บๆ: มาอุบลฯ ทั้งทีต้องโดนอาหารอีสาน ร้านเหล้าหลายแห่งมีเมนูเด็ดอย่าง ลาบหมูคั่ว ส้มตำปูปลาร้า ไก่ย่างหนังกรอบ ให้คุณได้ลิ้มรสชาติ กลมกล่อม เผ็ดแซ่บ ทานคู่กับเครื่องดื่มเย็นๆ ยิ่งฟิน
- ของทอดทานเพลิน: ของทอดกรอบๆ กับเครื่องดื่มเย็นๆ เป็นอะไรที่เข้ากันสุดๆ ที่ร้านเหล้าอุบลฯ มีเมนูของทอดให้เลือกเยอะมาก ทั้งเฟรนฟราย ปอเปี๊ยะทอด เกี๊ยวทอด หมึกกรอบ
- ยำรสจัดจ้าน: สายแซ่บต้องลอง! ร้านเหล้าอุบลฯ มีเมนูยำหลากหลายชนิด ทั้งยำวุ้นเส้นแซ่บ, ยำแซลมอน, ยำหมูยอ, รสชาติจัดจ้าน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ครบเครื่อง ช่วยเรียกน้ำย่อย และตัดเลี่ยนเครื่องดื่มได้เป็นอย่างดี

เช็คอินร้านเด็ดในอุบลฯ ที่สายปาร์ตี้ต้องโดน!

นอกจากบรรยากาศ ดนตรี และเมนูอาหาร แล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างที่จะทำให้ค่ำคืนของคุณสนุกสุดเหวี่ยง คือการเลือกไปร้านที่ใช่ นี่คือ 5 ร้านเหล้าอุบลฯ แยกตามสไตล์ ให้คุณเลือกตามชอบ

- ชิลๆ ริมน้ำ: อยากนั่งชิลล์ฟังเพลงเพลินๆ ริมแม่น้ำ ต้องไป "The Moon River Bar" บรรยากาศโรแมนติก ลมเย็นสบาย มีดนตรีสดแนวอะคูสติก เครื่องดื่มค็อกเทลรสชาติดี และอาหารสไตล์อิตาเลียน
- สุดมันส์กับดนตรีสด: สายแดนซ์ต้องโดน! "Live & Loud" ร้านนี้มาพร้อมวงดนตรีสดแนวร็อค มันส์กระจายตลอดคืน มีเบียร์สดให้เลือกหลากหลาย และของทานเล่นรสเด็ด
- นั่งชิลล์ในบรรยากาศสุดคูล: "Urban Craft Brewery" เหมาะสำหรับสายฮิป กับร้านเบียร์คราฟท์บรรยากาศชิค ตกแต่งแนวอินดัสเทรียล มีเบียร์คราฟท์หลากหลายชนิดให้เลือกชิม พร้อมเมนูอาหารสไตล์อเมริกัน

สนุกสุดเหวี่ยง แดนซ์กระจาย ไม่กลัวเมื่อย

ดื่มด่ำบรรยากาศ ฟังเพลงชิลล์ ทานของอร่อย ไปแล้ว ก็ถึงเวลาปล่อยพลัง! ร้านเหล้าอุบลฯ หลายแห่งมีพื้นที่ให้คุณแดนซ์กระจาย โยกตัวตามจังหวะ สนุกกับเพื่อนๆ ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเพลงช้า เพลงสนุก หรือจังหวะมันส์ๆ ก็เต้นกันได้ไม่ต้องกลัวเมื่อย

ดื่มอย่างมีสติ รับผิดชอบต่อสังคม

สุดท้ายนี้ แม้ว่าค่ำคืนแห่งความสนุกจะชวนให้เราเผลอไหลไปกับบรรยากาศ แต่สิ่งสำคัญ คือ การดื่มอย่างมีสติ รู้จักควบคุมตัวเอง ไม่ดื่มจนเกินกำลัง และที่สำคัญ คือ ไม่ขับรถหลังดื่ม เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและผู้อื่น ขอให้สนุกอย่างปลอดภัย และเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆ จากค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมในร้านเหล้าอุบลฯ ไปนี้นะ!

สรุป

อุบลราชธานี อาจไม่ได้เป็นเมืองใหญ่ แต่เมื่อพูดถึงร้านเหล้า บรรยากาศ ดนตรี และความสนุก บอกเลยว่า ไม่แพ้เมืองไหน ไม่ว่าคุณจะเป็นสายชิลล์ สายแดนซ์ หรือสายนั่งคุย ก็หาแหล่งแฮงค์เอาท์ที่ใช่ สนุกได้อย่างเต็มที่แน่นอน เตรียมชวนแก๊งเพื่อน เลือกสไตล์ร้านที่โดนใจ แล้วมาเปิดประสบการณ์ความสนุก ในร้านเหล้าอุบลฯ

สำหรับบ้านไหนที่มีผู้ป่วยแผลกดทับและอยากดูแลอย่างดีที่สุด ทำให้การนอนหลับผ่านไปได้ราบรื่น ช่วยเหลือได้อย่างดี เรามีตัวช่วยดี ๆ อย่างการเลือกใช้ที่นอนลมมาแนะนำ แต่กระนั้นอย่างที่ทราบว่าบางคนอาจจะยังไม่เคยรู้จักมาก่อน เราพร้อมที่จะพาทุกคนไปศึกษาข้อมูลอย่างเจาะลึก พร้อมแล้วตามมาทางนี้โดยด่วน



แผลกดทับมีความรุนแรงที่แบ่งออกเป็น 4 ระดับ

เรื่องของแผลกดทับต้องทำความเข้าใจไว้ก่อน โดยที่ความรุนแรงมาด้วยกัน 4 ระดับ หากรู้ว่าผู้ป่วยอยู่ในระดับไหนก็จะยิ่งเลือกใช้งานที่นอนลมกันแผลกดทับได้เหมาะสม

- ระยะที่ 1 : จะเป็นแผลที่ไม่เปิดออก ผิวหนังที่แผลจะไม่มีสี แต่หากใครผิวขาวก็จะเกิดเป็นรอยแดง ส่วนผู้ที่มีผิวสีแทนก็จะเป็นแผลสีเขียวอมม่วง จับ ๆ ดูจะอุ่น นุ่ม หรือแข็ง ผู้ป่วยจะเจ็บและระคายเคืองได้ง่าย ๆ
- ระยะที่ 2 : จะเป็นแผลที่เปิดหรือมีตุ่มน้ำพอง แผลจะหลุดลอกออก โดยที่หนังกำพร้า หนังแท้ถูกทำลาย แผลจะมีความเจ็บมากขึ้น
- ระยะที่ 3 : แผลจะมีลักษณะเป็นโพรงลึก เห็นไขมันที่เป็นแผล ด้วยผิวหนังทั้งหมดหลุดออกไปได้ง่าย ๆ รวมทั้งเนื้อเยื่อที่ลึกลงไปชั้นผิวหนังถูกทำลาย
- ระยะที่ 4 : ผิวหนังบริเวณแผลทั้งหมดถูกทำลายรุนแรงมาก เนื้อเยื่อที่ล้อมรอบเริ่มตาย กล้ามเนื้อ กระดูกที่อยู่ลึกก็จะถูกทำลายด้วยเช่นกัน

เตียงหรือที่นอนลมช่วยป้องกันแผลกดทับมีกี่ชนิด?

เตียงลมเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยกระจายแรงกดทับได้ การทำงานจะเป็นระบบปั๊มลมไฟฟ้า ที่มีการสลับยุบพองที่นอนต่อเนื่อง ผิวหนังตรงนั้น ๆ ก็จะไม่ถูกกดทับนาน ๆ ลดความรุนแรงในการเกิดแผลได้ดี โดยแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

- ที่นอนแบบลอนขวาง ที่จะทำจาก PVC ออกลอน ๆ 20 – 22 ลอน ประมาณการโดยจะมีการสลับพองของลอนอย่างดี หากมีลอนใดรูรั่ว หรือชำรุดสามารถถอดลอนเปลี่ยนได้
- ที่นอนแบบรังผึ้ง หรือบับเบิ้ล จะเป็นลักษณะการลับดันลมยุบพองของแต่ละจุด ปรับระดับความนิ่มของที่นอนได้ตามสบายหากที่นอนเกิดรูรั่ว หรือชำรุดที่จุดเดียวก็จะทำให้ที่นอนพังเสียหลายทั้งหมด เพราะมีความยากต่อการซ่อมบำรุง

ถามว่าเตียง หรือ ที่นอนลมเหมาะกับผู้ป่วยแบบไหนบ้าง? ตอบเลยว่าจะเหมาะกับผู้ที่ป่วยเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ หรือไม่รู้สึกตัว ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย ขยับตัวไม่ได้ แต่ก็จะไม่เหมาะกับผู้ป่วยติดเตียงที่มีเลือดในหลอดเลือดดำ หรือเกี่ยวข้องกับไขมันหลังเพราะต้องระวังการเคลื่อนที่ของกระดูกเป็นพิเศษนั่นเอง

ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นประสิทธิภาพการขับถ่ายก็อาจจะลดลง เริ่มกลั้นไม่อยู่ กลั้นไม่ได้ ผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุบางคนจึงมองหาตัวช่วยดี ๆ อย่าง "ผ้าอ้อมผู้ใหญ่" เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการขับถ่ายขึ้น ทว่าคงมีจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่รู้จักดีพอ เราไม่รอช้าที่จะไปศึกษาทำความรู้จัก พร้อมแนะนำกลุ่มผู้ใช้งานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด จะมีรายละเอียดอย่างไรไปติดตามกันได้!



ผ้าอ้อมผู้ใหญ่คืออะไร มาทำความรู้จักกันเถอะ

ต้องบอกว่าแพมเพิสผู้ใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนามาจากผ้าอ้อมสำเร็จรูปของเด็กนั่นเอง โดยมีวัตถุประสงค์ก็เพื่อช่วยป้องกันการรั่วซึมของการขับถ่ายที่ไม่สามารถควบคุมได้ โดยวัสดุก็มาจากพลาสติก หรือวัสดุที่สังเคราะห์พื้นผิวนุ่มสบาย โดยหลัก ๆ ก็จะมี 2 ประเภท คือรูปแบบกางเกงที่สวมใส่ได้เหมือนกางเกงชั้นในเลย และแบบเทปกาวที่จะมีแผ่นซึม แล้วด้านหลังก็จะเป็นเทปกาวแปะเข้ากับกางเกงชั้นในปกติของผู้สวมใส่ใช้งาน ซึ่งปัจจบันมีหลากหลายยี่ห้อมาก ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้สวมใส่ทุก ๆ กลุ่มคนอย่างแน่นอน

แล้วมีประโยชน์สำหรับกลุ่มใดบ้าง ควรทราบเอาไว้

สำหรับแพมเพิสของผู้ใหญ่ ผ้าอ้อมของผู้ใหญ่นั้นจะสามารถมีไว้ใช้ป้องกันการรั่วไหลของอุจจาระ ปัสสาวะรวมถึงสุขอนามัยที่สะอาดต่อร่างกาย ปัจจุบันมีหลากหลายยี่ห้อมาก แพมเพิสผู้ใหญ่ ราคาก็จะแตกต่างกันออกไปตามคุณภาพ ฟังก์ชันพิเศษ ถามว่าใคร หรือกลุ่มไหนบ้างที่ควรค่าใช้งาน?

- ผู้ป่วยที่กระเพาะปัสสาวะทำงานไม่ปกติ : จะไม่สามารถกลั้นปัสสาวะ หรือมักมีปัสสาวะไหลออกมากระปริบกระปอย เป็นต้น
- ผู้ป่วยติดเตียง : หรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายตัวเอง เคลื่อนไหวไปไหนมาไหนได้ ลุกออกจากเตียงลำบาก
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ : ที่จะไม่สามารถเดินเข้าห้องน้ำได้สะดวก กลั้นไว้ไม่ได้เพราะจะทำให้เกิดอาการของโรคกำเริบได้ ไม่อยากเข้าห้องน้ำสาธารณะ หรือสถานที่ที่สุขอนามัยไม่เพียงพอ
- ผู้ป่วยโรคท้องร่วง ท้องเสีย ที่ผู้ป่วยอาจจะอยากลุกเข้าห้องน้ำบ่อย หรือขับถ่ายมากเกินไปจนร่างกายอ่อนเพลีย เคลื่อนไหวตัวเองไม่ได้ ไม่ไหว ไม่สะดวก
- ผู้ป่วยที่มีภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้อย่างรุนแรง : หรือที่รู้จักกันว่าอยู่ในภาวะปัสสาวะเล็ด ที่เมื่อไอ จาม หัวเราะ ยกของ ทำกิจกรรมที่แรงดันมีสูงไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ เพราะจะมีอาการเล็ดออกมา

อย่ารอช้าที่จะใช้งานผ้าอ้อมผู้ใหญ่ให้เหมาะสม ตอบโจทย์การใช้งานของทุก ๆ คน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีจุดเด่นอย่างมาก นอกจากป้องกันการรั่วไหลของปัสสาวะ อุจจาระที่ทำให้มั่นใจออกไปพบผู้คน ก็ยังสะดวกสบาย ไม่วิตกกังวล ไม่ต้องลุกเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ โดยเฉพาะผู้ที่ขยับตัวลำบาก ผู้ป่วยติดเตียง หมดกังวลเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์จากการขับถ่ายเรี่ยราด หรือเล็ดออกมาแบบไม่ได้ตั้งใจอีกด้วย

วันนี้ใครที่สนใจอยากซื้อเครื่องผลิตออกซิเจน แต่ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ เราไม่รอช้าที่จะมาแนะนำให้ได้รู้จัก บอกเลยว่าแต่ละเครื่องไม่ธรรมดา เพื่อการใช้งานยั่งยืน และตอบโจทย์ขั้นสุด ทว่าแต่ละเครื่องเป็นยังไงบ้าง จะน่าสนใจมากขนาดไหน ไปติดตามพร้อมกันกับเราได้เลย ตามมาทางนี้ด่วน ๆ



4 เครื่องสร้างออกซิเจนที่คุ้มค่าซื้อใช้งาน ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์

1. ยี่ห้อ KROEBER AEROPLUS E แบบ 5 ลิตร

เริ่มต้นกับเครื่องผลิตออกซิเจน 5 ลิตร สามารถปรับได้เองเลยตามต้องการ จ่ายออกซิเจนแบบคงที่ตลอด 24 ชม. เครื่องและวาล์วปั๊มทำงานได้เงียบมาก ระดับเสียงอยู่ที่ 40 เดซิเบล ไม่รบกวนผู้ใช้งาน ไส้กรอกอากาศสามารถกรองอนุภาคเล็ก ๆ ได้ 0.3 ไมครอน ประสิทธิภาพสูงมาก ใช้งานได้ 30,000 ชม. ราคาเครื่องละ 49,900 บาท ซื้อผ่านออนไลน์ลดเหลือ 39,000 บาทเท่านั้น

2. ยี่ห้อ CANTA VH5-N (ECO) สีฟ้า แบบ 5 ลิตร

ต่อมาคือยี่ห้อ CANTA VH5-N (ECO) สีฟ้า แบบ 5 ลิตร มีกระปุกน้ำทำความชื้น สายออกซิเจน ชุดพ่นยา ไส้กรองอากาศ สามารถปรับอัตราการไหลออกซิเจน สูงสุด 5 ลิตรต่อนาที พ่นยาในตัวได้ด้วย ความเข้มข้นออกซิเจน 93% ค่าความคลาดเคลื่อน 3% ราคาเครื่องละ 24,500 บาท แต่หากสั่งซื้อผ่านออนไลน์ลดเหลือ 20,800 บาทเท่านั้น

3. ยี่ห้อ CANTA V8-WN-NS สีเทา แบบ 8 ลิตร

มาต่อกันที่ยี่ห้อ CANTA V8-WN-NS สีเทา แบบ 8 ลิตร ที่จะมีกระปุกน้ำทำความชื้นได้ มีชุดพ่นยา มีสายออกซิเจน ไส้กรองอากาศ ที่ปรับอัตราการไหลเวียนได้ 0.5 – 8 ลิตรต่อนาที มีฟังก์ชันพ่นยาภายในตัว ความเข้มข้นออกซิเจนที่ 93% ค่าความคาดเคลื่อนประมาณ 3% ราคาเรื่องละ 32,800 บาท แต่ซื้อผ่านออนไลน์ลดเหลือ 27,900 บาท

4. ยี่ห้อ DEVILBISS 1025KS สีดำ แบบ 10 ลิตร

แบบ 5 ลิตร แบบ 8 ลิตรกันไปแล้วเผื่อใครอยากได้มากกว่านั้นก็ต้อง เครื่องผลิตออกซิเจน 10 ลิตร นี้เลย โดยที่สามารถปรับอัตราการไหลของออกซิเจนได้ตั้งแต่ 2 – 10 ลิตรต่อนาที ความเข้มข้นออกซิเจนที่ 93% เครื่องและวาล์วปั๊มทำงานระดับเสียงไม่เกิน 57 เดซิเบลที่ถือว่าเงียบมาก ล้อเลื่อน 4 ล้อ พร้อมมือจับ ทำให้การเคลื่อนที่สะดวกสบายมากขึ้น หน้าจอ LED แสดงผลชัดเจนเวลาเปิดเครื่อง โดยที่มีราคา 70,500 บาท แต่หากสั่งซื้อผ่านออนไลน์ลดเหลือ 59,900 บาท

เมื่อรู้แบบนี้แล้วก็หวังว่าทุก ๆ คนจะตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องผลิตออกซิเจนทั้ง 5 ลิตร 8 ลิตร หรือ 10 ลิตร ที่ตอบโจทย์ความต้องการอย่างดีที่สุดแน่นอน แต่ก็ต้องเลือกตามความเหมาะสมใช้งานด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ต้องรู้จักศึกษาวิธีการใช้งาน คำแนะนำ รวมถึงข้อควรระวังที่จะยิ่งยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานมากขึ้น ไม่มีปัญหาตามมาภายหลังแน่นอน หรือไม่ต้องซื้อใหม่บ่อย ๆ โดยเฉพาะห้ามใช้งานกับอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานเด็ดขาด

เผื่อคุณพ่อคุณแม่ หรือบ้านไหนที่กำลังมองหาเตียงเด็กแบบ 2 ชั้น เราไม่รอช้าที่จะมาแนะนำให้รู้จักกับ DREAM CAR KID MARINE 611-4B ที่การันตีว่ามีคุณภาพดี และราคาก็น่าคบหาด้วย เหมาะกับหนู ๆ ทั้งหลายที่มีพี่น้องแล้วไม่อยากนอนแยกกัน ทว่าจะมีรายละเอียดน่าสนใจขนาดไหนไปติดตามพร้อม ๆ กันได้



คุณสมบัติที่ต้องรู้ก่อนซื้อเตียงเด็ก DREAM CAR KID MARINE 611-4B

เพิ่มความโดดเด่นให้กับห้องนอนเด็ก ๆ ด้วยตัวช่วยที่ใช้งานได้อย่างดี อย่าง DREAM CAR KID รุ่น MARINE 611-4B เตียง 2 ชั้น ที่ใช้วัสดุคุณภาพสูง แข็งแรงทนทาน พ่นสีสเปรย์ในห้องที่อบสีมาตรฐาน มีสีปลอดสารพิษ (Non – Toxic) เพื่อความปลอดภัยที่มีนอกจากนี้ ก็ยังมีชั้น มีลิ้นชักวางของ ออกแบบได้สวยงาม ตกแต่งห้องนอนได้หลากหลายรูปแบบ ทำให้ประหยัดพื้นที่ใช้สอย การจัดเก็บสิ่งของเป็นระเบียบมากขึ้น คุณสมบัติ

- คานรับน้ำหนักทำจากเหล็กกล่อง มีความแข็งแรงสูง รับน้ำหนักได้สูงสุด 150 กก. ต่อชั้น
- วัสดุผลิตจากไม้จริง และไม้ MDF ที่มีมาตรฐาน E1 ผิวเรียบ แข็งแรงทนทานมาก ๆ
- เพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้นด้วยชั้นวาง และลิ้นชักที่เพิ่มพื้นที่การเก็บของให้ห้องเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น
- ใช้สีปลอดสารพิษ หรือ non – toxic ที่พ้นในห้องอบมาตรฐาน ที่มีสีสันสวยงาม ปลอดภัย

ขนาดของเตียงนอน

- ชั้นล่าง ขนาด 120 x 190 ซม. (4 ฟุต)
- ชั้นบน ขนาด 90 ป 190 ซม. (3 ฟุต)
- เตียงสไลด์ ขนาด 90 x 190 ซม. (3 ฟุต)

คำแนะนำ ข้อควรระวังในการใช้งาน DREAM CAR KID MARINE 611-4B

สำหรับคำแนะนำในการใช้งานที่นอนเด็ก DREAM CAR KID MARINE 611-4B จะต้องเริ่มต้นวางให้เหมาะสม ในจุดที่มีอากาศถ่ายเท ปราศจากแมลง เช่น มด มอด ปลวก เมื่อเฟอร์นิเจอร์เปียกน้ำก็ต้องเช็ดให้แห้งสนิททันที กระนั้นก็มีข้อควรระวังอยู่ด้วย คือ

- ไม่ควรวางเฟอร์นิเจอร์ไว้ในห้องที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก หรือมีความอับชื้นนาน เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา
- ไม่วางเฟอร์นิเจอร์ไว้ในตำแหน่งที่มีแสงแดดแรง ๆ ความชื้นสูง ใต้แอร์ หรือใกล้ห้องน้ำ
- ไม่ควรวางสิ่งของที่มีน้ำหนักมากเกินไปมาวางที่เฟอร์นิเจอร์
- ไม่ควรเอาวัสดุที่หยาบ แข็ง หรือผ้าเปียก น้ำยา สารเคมีมาเช็ดทำความสะอาดที่ตัวเฟอร์นิเจอร์
- หากจะต้องขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ไม่ควรใช้การผลัก หรือลากเด็ดขาด เพราะอาจทำให้พื้นห้องชำรุด เสียหายได้

เตียงเด็ก DREAM CAR KID MARINE 611-4B มีราคาอยู่ที่ 29,900 บาท โดยหากสั่งซื้อผ่านออนไลน์จะมีเงื่อนไขจัดส่งอยู่ คือระยะเวลาการจัดส่งในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑลจะอยู่ที่ 7 – 10 วันทำการ (หลังได้รับการสั่งซื้อทางผู้ผลิต ยืนยันวันจัดส่งสินค้าอีกครั้ง) โดยส่งฟรีเฉพาะที่เขต กทม. สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาครเท่านั้น เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ เลยทีเดียว

สำหรับบ้านไหนที่มีผู้ป่วยแผลกดทับและอยากดูแลอย่างดีที่สุด ทำให้การนอนหลับผ่านไปได้ราบรื่น ช่วยเหลือได้อย่างดี เรามีตัวช่วยดี ๆ อย่างการเลือกใช้ที่นอนลมมาแนะนำ แต่กระนั้นอย่างที่ทราบว่าบางคนอาจจะยังไม่เคยรู้จักมาก่อน เราพร้อมที่จะพาทุกคนไปศึกษาข้อมูลอย่างเจาะลึก พร้อมแล้วตามมาทางนี้โดยด่วน



แผลที่เกิดจากการกดทับมีความรุนแรงที่แบ่งออกเป็น 4 ระดับ

เรื่องของแผลกดทับต้องทำความเข้าใจไว้ก่อน โดยที่ความรุนแรงมาด้วยกัน 4 ระดับ หากรู้ว่าผู้ป่วยอยู่ในระดับไหนก็จะยิ่งเลือกใช้งานที่นอนลมกันแผลกดทับได้เหมาะสม

- ระยะที่ 1 : จะเป็นแผลที่ไม่เปิดออก ผิวหนังที่แผลจะไม่มีสี แต่หากใครผิวขาวก็จะเกิดเป็นรอยแดง ส่วนผู้ที่มีผิวสีแทนก็จะเป็นแผลสีเขียวอมม่วง จับ ๆ ดูจะอุ่น นุ่ม หรือแข็ง ผู้ป่วยจะเจ็บและระคายเคืองได้ง่าย ๆ
- ระยะที่ 2 : จะเป็นแผลที่เปิดหรือมีตุ่มน้ำพอง แผลจะหลุดลอกออก โดยที่หนังกำพร้า หนังแท้ถูกทำลาย แผลจะมีความเจ็บมากขึ้น
- ระยะที่ 3 : แผลจะมีลักษณะเป็นโพรงลึก เห็นไขมันที่เป็นแผล ด้วยผิวหนังทั้งหมดหลุดออกไปได้ง่าย ๆ รวมทั้งเนื้อเยื่อที่ลึกลงไปชั้นผิวหนังถูกทำลาย
- ระยะที่ 4 : ผิวหนังบริเวณแผลทั้งหมดถูกทำลายรุนแรงมาก เนื้อเยื่อที่ล้อมรอบเริ่มตาย กล้ามเนื้อ กระดูกที่อยู่ลึกก็จะถูกทำลายด้วยเช่นกัน

เตียงหรือที่นอนลมช่วยป้องกันแผลกดทับมีชนิดไหนบ้าง?

เตียงลมเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยกระจายแรงกดทับได้ การทำงานจะเป็นระบบปั๊มลมไฟฟ้า ที่มีการสลับยุบพองที่นอนต่อเนื่อง ผิวหนังตรงนั้น ๆ ก็จะไม่ถูกกดทับนาน ๆ ลดความรุนแรงในการเกิดแผลได้ดี โดยแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

- ที่นอนแบบลอนขวาง ที่จะทำจาก PVC ออกลอน ๆ 20 – 22 ลอน ประมาณการโดยจะมีการสลับพองของลอนอย่างดี หากมีลอนใดรูรั่ว หรือชำรุดสามารถถอดลอนเปลี่ยนได้
- ที่นอนแบบรังผึ้ง หรือบับเบิ้ล จะเป็นลักษณะการลับดันลมยุบพองของแต่ละจุด ปรับระดับความนิ่มของที่นอนได้ตามสบายหากที่นอนเกิดรูรั่ว หรือชำรุดที่จุดเดียวก็จะทำให้ที่นอนพังเสียหลายทั้งหมด เพราะมีความยากต่อการซ่อมบำรุง

ถามว่าเตียง หรือ ที่นอนลมเหมาะกับผู้ป่วยแบบไหนบ้าง? ตอบเลยว่าจะเหมาะกับผู้ที่ป่วยเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ หรือไม่รู้สึกตัว ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย ขยับตัวไม่ได้ แต่ก็จะไม่เหมาะกับผู้ป่วยติดเตียงที่มีเลือดในหลอดเลือดดำ หรือเกี่ยวข้องกับไขมันหลังเพราะต้องระวังการเคลื่อนที่ของกระดูกเป็นพิเศษนั่นเอง