วิศวกรรมโครงสร้างรองรับ (Foundation Engineering) นับว่าเป็นส่วนสำคัญของงานก่อสร้างที่ช่วยทำให้โครงสร้างอาคารหรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆมีความมั่นคงและยั่งยืน ไม่เป็นอันตราย แล้วก็สามารถใช้งานได้อย่างยั่งยืน รากฐานเปรียบได้กับพื้นฐานของต้นไม้ที่ช่วยกระจายน้ำหนักของโครงสร้างสู่พื้นดิน ทำให้ตึกสามารถต้านแรงที่เกิดขึ้นมาจากต้นเหตุต่างๆได้แก่ แรงลม แรงสั่น และน้ำหนักบรรทุกของอาคารเอง ในเนื้อหานี้ พวกเราจะมาทำความเข้าใจถึงจุดสำคัญของวิศวกรรมรากฐานและการปรับใช้งานในด้านต่างๆของการก่อสร้าง
(https://soilboringtest.com/wp-content/uploads/2024/07/Soil-Boring-Test-Cost.jpg)
👉📌📢ความสำคัญของวิศวกรรมฐานรากในงานก่อสร้าง
รากฐานเป็นส่วนแรกที่ถูกผลิตขึ้นในโครงสร้าง เพื่อให้สามารถรองรับน้ำหนักทั้งปวงของอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสำคัญของวิศวกรรมโครงสร้างรองรับมีดังนี้:
1.การกระจายน้ำหนักของส่วนประกอบ
รากฐานปฏิบัติภารกิจกระจายน้ำหนักของอาคารจากโครงสร้างข้างบนสู่พื้นดิน ลดการเสี่ยงต่อการทรุดตัวหรือการเสียหายของตึก
2.การคุ้มครองป้องกันการเคลื่อนตัวของโครงสร้าง
โครงสร้างรองรับที่ออกแบบอย่างเหมาะควรจะช่วยลดการขับเคลื่อนของตึกในสิ่งแวดล้อมที่มีแรงกระทำด้านนอก เช่น แรงแผ่นดินไหวหรือแรงจากน้ำหลาก
3.เพิ่มความมั่นคงยั่งยืนให้กับส่วนประกอบ
การเลือกใช้โครงสร้างรองรับที่เหมาะสมกับภาวะดินและองค์ประกอบจะช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับตึก และลดการเสี่ยงต่อการชำรุดทลาย
-------------------------------------------------------------
ให้บริการ Boring Test | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท Boring Test บริการ เจาะดิน วิเคราะห์และทดสอบคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรมปฐพีของดิน ทดสอบเสาเข็ม (Seismic Test)
👉 Tel: 064 702 4996
👉 Line ID: @exesoil
👉 Facebook: https://www.facebook.com/exesoiltest/
👉 Website: เจาะสํารวจดิน (https://groups.google.com/g/OKX168/c/Ey4mC1FsqK0)
👉 Map: เส้นทาง (https://www.google.co.th/maps/place/%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%B1%E0%B8%97+%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97+%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B9%8C+%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AA+%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C+%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87+%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%94/@13.7902491,100.8023117,20z/data=!4m6!3m5!1s0x311d65ebcb9daa09:0xd54db9a93b473980!8m2!3d13.7902458!4d100.8023299!16s%2Fg%2F11h7b1b_m2?entry=ttu&g_ep=EgoyMDI1MDQxNi4xIKXMDSoASAFQAw%3D%3D)
-------------------------------------------------------------
🦖🦖🎯ชนิดของฐานรากในการก่อสร้าง
ในงานวิศวกรรมรากฐาน มีการแบ่งโครงสร้างรองรับออกเป็นสองประเภทหลัก เป็นต้นว่า ฐานรากตื้น (Shallow Foundation) และโครงสร้างรองรับลึก (Deep Foundation) โดยแต่ละประเภทมีการใช้งานที่ต่างๆนาๆตามลักษณะส่วนประกอบและก็ภาวะดิน
1.โครงสร้างรองรับตื้น (Shallow Foundation)
ฐานรากชนิดนี้เหมาะสำหรับส่วนประกอบที่มีน้ำหนักไม่มาก แล้วก็ดินที่มีความแข็งแรงพอเพียง โครงสร้างรองรับตื้นจะวางอยู่ใกล้กับผิวดิน ตัวอย่างเช่น รากฐานแผ่ (Spread Footing) แล้วก็ฐานรากแถบ (Strip Footing) การใช้รากฐานตื้นช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลาสำหรับเพื่อการก่อสร้างได้
2.ฐานรากลึก (Deep Foundation)
สำหรับโครงสร้างที่มีน้ำหนักมากมาย หรือภาวะดินที่ไม่แข็งแรง การใช้โครงสร้างรองรับลึก อาทิเช่น เสาเข็ม (Pile Foundation) จะช่วยกระจัดกระจายน้ำหนักของโครงสร้างไปยังชั้นดินที่มีความแข็งแรงอยู่ลึกลงไปใต้พื้นดิน รากฐานประเภทนี้เหมาะสำหรับการก่อสร้างที่ปรารถนาความยั่งยืนมั่นคงสูง ได้แก่ อาคารสูงและสะพานขนาดใหญ่
📌🌏🌏การออกแบบโครงสร้างรองรับ: หลักการที่สำคัญ
การออกแบบรากฐานในวิศวกรรมต้องนึกถึงหลายต้นสายปลายเหตุ ดังเช่น น้ำหนักบรรทุก ภาวะดิน รวมทั้งแรงภายนอกที่อาจทำต่อองค์ประกอบ แนวทางสำคัญสำหรับเพื่อการวางแบบรากฐาน ได้แก่:
1.การสำรวจสภาพดิน
การเจาะตรวจสอบดิน (Soil Boring Test) และก็การทดสอบดิน เช่น การทดลองความแน่นของดิน (Soil Compaction Test) เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยทำให้วิศวกรสามารถประเมินความรู้ความเข้าใจในการรับน้ำหนักของดินได้
2.การคำนวณน้ำหนักบรรทุก
จำต้องคำนวณน้ำหนักของส่วนประกอบแล้วก็น้ำหนักบรรทุกอื่นๆเป็นต้นว่า รถยนต์หรือวัสดุอุปกรณ์หนัก เพื่อเลือกใช้รากฐานที่เหมาะสม
3.การเลือกวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการก่อสร้าง
สิ่งของที่ใช้เพื่อสำหรับในการสร้างฐานราก ยกตัวอย่างเช่น คอนกรีตรวมทั้งเหล็กเสริม ควรจะมีประสิทธิภาพรวมทั้งมาตรฐานที่เหมาะสมกับการใช้แรงงาน
4.การออกแบบที่สอดคล้องกับมาตรฐาน
วิศวกรจะต้องประพฤติตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น มาตรฐานการก่อสร้างแห่งชาติ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยรวมทั้งความคงทนถาวรของโครงสร้าง
🦖⚡🥇การดัดแปลงวิศวกรรมรากฐานในการก่อสร้าง
วิศวกรรมโครงสร้างรองรับมีการดัดแปลงในงานก่อสร้างหลายชนิด ตั้งแต่ตึกที่อยู่อาศัยจนกระทั่งส่วนประกอบที่มีความสลับซับซ้อน ดังเช่นว่า:
1.ตึกที่พักอาศัย
การเลือกใช้ฐานรากแผ่สำหรับบ้านชั้นเดี่ยวหรือตึกขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนดินที่แข็งแรง
2.อาคารสูง
การใช้เสาเข็มสำหรับเพื่อการก่อสร้างอาคารสูงเพื่อเพิ่มความมั่นคงแล้วก็รองรับน้ำหนักเยอะมาก
3.สะพานและองค์ประกอบเบื้องต้นอื่นๆ
โครงสร้างรองรับลึก ได้แก่ เสาเข็มตอกหรือเสาเข็มเจาะ ถูกประยุกต์ใช้ในองค์ประกอบที่ต้องรับแรงจากน้ำหนักและก็แรงทำจากธรรมชาติ
4.การก่อสร้างในพื้นที่ดินอ่อน
สำหรับพื้นที่ที่ดินมีความแข็งแรงต่ำ การใช้เทคโนโลยีเสริมความแข็งแรงของดินร่วมกับโครงสร้างรองรับลึกจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับน้ำหนัก
🥇👉🌏ข้อสรุป
วิศวกรรมโครงสร้างรองรับเป็นข้อสำคัญที่ไม่อาจมองผ่านในงานก่อสร้าง โครงสร้างรองรับที่ออกแบบอย่างเหมาะสมไม่เฉพาะแต่ช่วยเพิ่มความมั่นคงและยั่งยืนให้กับองค์ประกอบ แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อความเสียหายที่บางทีอาจเกิดขึ้นในอนาคต การเลือกใช้รากฐานที่สอดคล้องกับสภาพดินแล้วก็ชนิดของโครงสร้าง รวมทั้งการปฏิบัติตามหลักทฤษฎีวิศวกรรมและมาตรฐานที่เกี่ยวโยง จะช่วยทำให้งานก่อสร้างบรรลุเป้าหมายได้อย่างยั่งยืนแล้วก็ไม่เป็นอันตราย
วิศวกรรมรากฐานมิได้เป็นเพียงแต่ศาสตร์ที่เกี่ยวพันกับการก่อสร้างเพียงแค่นั้น แต่ว่ายังเป็นพื้นฐานของความมั่นคงและยั่งยืนแล้วก็ความปลอดภัยขององค์ประกอบทั้งปวงในโลกของพวกเรา
Tags :
เจาะสํารวจดิน ราคา pantip (https://sanukwebboard.com/index.php?topic=2600.0)